เราอาจเคยได้ยินคำว่า “อย่าใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว” หรือไม่ ? คำพูดนี้เป็นหลักการสำคัญของการลงทุน เพราะถ้าเราลงเงินทั้งหมดในสินทรัพย์เดียว เช่น หุ้นตัวเดียว หรือคริปโตเพียงอย่างเดียว ความเสี่ยงที่เราจะเสียเงินทั้งหมดก็สูงมาก
การ กระจายการลงทุน (Diversification) เป็นวิธีที่นักลงทุนมืออาชีพใช้เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน บทความนี้เรามาดูกันว่าทำไมการกระจายพอร์ตถึงสำคัญ และเราควรทำอย่างไร
ทำไมเรา จะต้อง กระจายการลงทุน ?
1. ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด
สมมติว่าเราลงทุนแค่ในหุ้น แล้วเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นตกแรง พอร์ตของเราอาจติดลบหนัก แต่ถ้าเรากระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่น เช่น ทองคำ หรือพันธบัตร ซึ่งมักจะปรับตัวสวนทางกับหุ้น พอร์ตของเราก็จะได้รับผลกระทบน้อยลง
2. เพิ่มโอกาสทำกำไรจากหลายสินทรัพย์
ตลาดแต่ละประเภทมีวัฏจักรของมันเอง บางช่วงหุ้นทำกำไรดี บางช่วงทองคำพุ่งแรง บางช่วงคริปโตมาแรง ถ้าเรากระจายพอร์ต เราจะสามารถรับโอกาสจากสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มเติบโตในเวลานั้น
3. ป้องกันตลาดขาลงและช่วยให้พอร์ตมั่นคงขึ้น
ตลาดหลายตลาด ไม่ได้มีแนวโน้มเป็นขึ้นตลอดเวลา มีทั้งช่วงขาขึ้นและขาลง การกระจายพอร์ตช่วยให้เราลดความเสี่ยงจากการเทเงินไปในสินทรัพย์เดียว
วิธีที่ดีในการกระจายพอร์ต คือการถือสินทรัพย์หลายประเภท เช่น:
– หุ้น (Stock) – เพื่อการเติบโตระยะยาวของพอร์ต
– ทองคำ (Gold) – เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
– กองทุนรวม (Mutual Fund) – เพื่อกระจายการลงทุนในหลายอุตสาหกรรม
– พันธบัตร (Bonds) – เพื่อลดความผันผวนของพอร์ต
– อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) – เพื่อสร้างรายได้ในระยะยาว
สรุป: เราต้องมีการกระจายการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด เพิ่มโอกาสทำกำไรจากหลายสินทรัพย์ และทำให้พอร์ตมั่นคงในระยะยาว