ตลาดการเงิน นั้นมีทั้งโอกาสและความเสี่ยงเกิดขึ้นพร้อมๆกันเสมอ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาด และส่งผลต่อการตัดสินใจของเทรดเดอร์คือ Volatility คืออะไร ? นั่นคือหรือความผันผวนนั้นเอง หลายคนอาจมองว่าความผันผวนเป็นเรื่องน่ากลัว แต่หากเข้าใจและจัดการได้อย่างถูกต้อง มันอาจกลายเป็นจุดเเข็งหรือเป็นโอกาสที่ดีในการหาช่องทางทำกำไรในตลาดได้
Volatility คืออะไร ?
Volatility หมายถึงระดับการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ต่างๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง หากราคาขึ้นลงอย่างรวดเร็วและเป็นช่วงราคาที่กว้าง เราจะเรียกว่าสินทรัพย์นั้นมีความผันผวนสูง (High Volatility) ในทางกลับกัน หากราคามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยหรือคงที่ จะเรียกว่ามีความผันผวนต่ำ (Low Volatility)
ตัวอย่างเช่น :
- ช่วงที่มีข่าวเศรษฐกิจสำคัญ ราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในเวลาอันสั้น นี่คือตัวอย่างของ High Volatility
- ในช่วงที่ตลาดนิ่ง ไม่มีข่าวสำคัญ ราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย นี่คือตัวอย่างของ Low Volatility
ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Volatility
- ข่าวเศรษฐกิจสำคัญ : เช่น การประกาศอัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ หรือตัวเลข Non Farm Payrolls
- เหตุการณ์ทางการเมือง : เช่น การเลือกตั้งของประเทศมหาอำนาจ หรือความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ
- ช่วงเวลาในตลาด : เช่น ช่วงเปิดตลาดหรือช่วงที่ตลาดสำคัญๆ เปิดตลาดพร้อมกัน
Volatility ดีหรือไม่ดี?
- ข้อดี :
- สร้างโอกาสในการทำกำไรคำใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงที่ราคามีการเปลี่ยนแปลงสูง
- เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ชอบเทรดระยะสั้น หรือต้องการทำกำไรจากการผันผวนของราคา
- ข้อเสีย :
- เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุน หากนักเทรดไม่รู้วิธีจัดการความเสี่ยงในการเทรด
- ยากต่อการคาดการณ์ความผันผวน หากไม่มีแผนการเทรดที่ชัดเจน
วิธีจัดการกับ Volatility
- วางแผนการเทรดล่วงหน้าเสมอ : กำหนดจุดเข้าซื้อ ขาย และ Stop Loss ให้ชัดเจน
- ออก Lot Size ให้เหมาะสมกับขนาดพอร์ต : เพื่อลดความเสี่ยงหากราคาผันผวนเกินคาดการณ์
- ติดตามข่าวสารทุกวัน : เพื่อเตรียมตัวสำหรับช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง
- ไม่เทรดเกินความสามารถ : เพราะความผันผวนอาจน่าดึงดูดเนื่องจากความสามารถในการทำกำไรสูง แต่หากไม่มีประสบการณ์ ก็ควรหลีกเลี่ยงช่วงที่ตลาดมีความผันผวนมากเกินไป