ในโลกการเงิน มีคำว่า “Fed Put” ซึ่งหมายถึงความเชื่อที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเข้ามาช่วยเหลือตลาดเมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยหรืออัดฉีดสภาพคล่อง ในยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เกิดคำว่า “Trump Put” ขึ้น
Trump Put หมายถึงความเชื่อที่ว่า ทรัมป์จะใช้นโยบายเศรษฐกิจภายในประเทศเพื่อสนับสนุนตลาดหุ้น ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษี กระตุ้นการลงทุน หรือกดดันธนาคารกลางให้ผ่อนคลายนโยบายการเงิน
Trump Put เกิดขึ้นอย่างไร?
หนึ่งในนโยบายที่เป็นรากฐานของ Trump Put คือ “Tax Cuts and Jobs Act (TCJA)” ที่ประกาศใช้ในปี 2017
- ลดภาษีนิติบุคคล: จาก 35% เหลือ 21% ส่งผลให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นและราคาหุ้นสูงขึ้น
- ลดภาษีบุคคลธรรมดา: กระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน
- จูงใจบริษัทให้ลงทุนในสหรัฐฯ: อนุญาตให้นำกำไรจากต่างประเทศกลับเข้ามาด้วยภาษีที่ต่ำ
ผลลัพธ์ – ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าทรัมป์จะไม่ปล่อยให้ตลาดตกต่ำ
Trump Put จะเกิดขึ้นอีกไหม?
มีโอกาสเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 และกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง
- ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่ง: การกลับมาของทรัมป์ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะใช้นโยบายเศรษฐกิจแบบเดิม
- ภาวะเศรษฐกิจเอื้ออำนวย: หากเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขยายตัว การลดภาษีอาจส่งผลดี แต่หากเผชิญภาวะเงินเฟ้อสูง การกระตุ้นเศรษฐกิจแบบเดิมอาจส่งผลเสีย
- การเมืองและหนี้สาธารณะ: นโยบายลดภาษีทำให้หนี้ของสหรัฐฯ พุ่งสูง หากกลับมาใช้อีก อาจถูกต่อต้านจากรัฐสภา
เปรียบเทียบ Trump Put vs. Fed Put
แนวคิด | Trump Put | Fed Put |
ผู้ดำเนินการ | ประธานาธิบดีและรัฐบาล | ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) |
วิธีการ | ลดภาษี กระตุ้นเศรษฐกิจ แรงกดดันทางการเมือง | ลดดอกเบี้ย อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ |
ผลกระทบ | ตลาดหุ้นขึ้นจากมาตรการภาษีและนโยบายเศรษฐกิจ | ตลาดหุ้นขึ้นจากนโยบายการเงิน |
สรุป: Trump Put เป็นแค่ตำนานหรือความจริง?
Trump Put เป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้น และด้วยการที่ ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งในปี 2025 มีความเป็นไปได้ที่นโยบายเศรษฐกิจแบบ Trump Put จะถูกนำมาใช้อีกครั้ง
“ตลาดหุ้นคือเกมของความเชื่อมั่น และ Trump Put คือเดิมพันของทรัมป์ที่ว่า ตลาดจะไม่มีวันล้ม ถ้ารัฐบาลผลักมันขึ้นไป”
โค้ชบิ๊ก กรกฎ อภิปัญญา