ทำไมเงินเดือนขึ้นทุกปี แต่เหมือนชีวิตไม่ได้ดีขึ้น

 นี่อาจเป็นคำถามที่หลายคนสงสัยแต่ไม่เคยได้รับคำตอบที่ชัดเจน ทุกวันนี้ เราหาเงินกันหนักขึ้น ใช้ชีวิตประหยัดขึ้น แต่ทำไมเงินเก็บกลับซื้อน้อยลงเรื่อยๆ? สาเหตุมาจากระบบการเงินที่เราใช้อยู่ทุกวัน—ระบบที่ออกแบบมาให้เงินของคุณลดค่าลงตลอดเวลา

Fiat Currency และการล่มสลายของมาตรฐานทองคำ

ก่อนปี 1971 เงินกระดาษที่เราใช้กันทุกวันนี้ (หรือที่เรียกว่า Fiat Currency) เคยถูกหนุนหลังด้วยทองคำ นั่นหมายความว่าทุกๆ ดอลลาร์ที่ถูกพิมพ์ออกมาต้องมีทองคำรองรับ

แต่ในปี 1971 ประธานาธิบดี Richard Nixon ได้ตัดสินใจ ยกเลิกมาตรฐานทองคำ (Gold Standard)
ส่งผลให้เงินกลายเป็นเพียงกระดาษที่มีค่าเพราะรัฐบาล “บอกว่ามีค่า” เท่านั้นตั้งแต่นั้นมา เงินดอลลาร์ และเงินของทุกประเทศทั่วโลก ก็กลายเป็น Fiat Currency แบบ 100%

ผลกระทบที่ตามมา?

  • รัฐบาลสามารถพิมพ์เงินได้ไม่จำกัด
  • อุปทานเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ → มูลค่าเงินลดลง
  • ราคาสินค้าและบริการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่คนทั่วไปยังคงทำงานหนักขึ้นเพื่อ “หาเงินเพิ่ม” คนที่เข้าใจระบบการเงินรู้ดีว่า “การถือเงินสดเฉยๆ คือการสูญเสียมูลค่าทุกวัน”

เงินเฟ้อ: ภาษีที่ซ่อนอยู่

เงินเฟ้อ (Inflation) คือปรากฏการณ์ที่ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นผลจากการพิมพ์เงินอย่างไม่มีขีดจำกัดของรัฐบาล

ลองคิดง่ายๆ ว่า ถ้าคุณมีเงิน 1,000 บาท และปีหน้าทุกอย่างแพงขึ้น 10% แปลว่าเงิน 1,000 บาทของคุณสามารถซื้อของได้น้อยลง 10% โดยที่คุณไม่ได้ใช้เงินไปเลย

แล้วรัฐบาลประกาศว่าเงินเฟ้อแค่ 3-4% จริงหรือ?
ตัวเลขเงินเฟ้อที่ประกาศอาจไม่ได้สะท้อนความจริง เพราะมีการปรับเปลี่ยนตะกร้าสินค้าเพื่อให้ตัวเลขดูดีขึ้น

ตัวอย่างเช่น

  • ถ้าเนื้อวัวแพงขึ้น รัฐบาลอาจคำนวณโดยเปลี่ยนเป็นราคาเนื้อไก่แทน
  • ถ้าค่าที่อยู่อาศัยสูงขึ้น รัฐบาลอาจใช้ค่าเช่าเฉลี่ยแทนราคาบ้าน

แต่ในความเป็นจริง คนทั่วไปยังคงต้องจ่ายแพงขึ้นในชีวิตประจำวัน

CBDC: อนาคตของเงินดิจิทัลที่รัฐควบคุม 100%

อีกแนวโน้มหนึ่งที่กำลังถูกพูดถึงมากขึ้นคือ CBDC (Central Bank Digital Currency) หรือ “เงินดิจิทัลของธนาคารกลาง” ซึ่งหลายประเทศกำลังพัฒนา

แม้ว่ามันจะมีข้อดีเรื่องความสะดวก แต่ความเสี่ยงคือ รัฐบาลอาจสามารถควบคุมธุรกรรมทางการเงินของประชาชนได้อย่างสมบูรณ์

ลองจินตนาการว่า…

  • รัฐบาลสามารถกำหนดว่าเงินของคุณใช้ซื้ออะไรได้บ้าง
  • เงินของคุณอาจมีวันหมดอายุ ถ้าไม่ใช้ตามเวลาที่กำหนด
  • ทุกธุรกรรมสามารถถูกตรวจสอบและอายัดได้ทันที

นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้หลายคนเริ่มมองหา “เงินที่ไม่มีใครควบคุมได้”

Bitcoin: อิสระทางการเงินที่แท้จริง?

Bitcoin แตกต่างจาก Fiat Currency อย่างไร?

  • มีจำนวนจำกัดเพียง 21 ล้าน BTC → ไม่มีใครพิมพ์เพิ่มได้
  • ไม่มีศูนย์กลางควบคุม → ไม่สามารถถูกแทรกแซงจากรัฐบาล
  • โปร่งใส ตรวจสอบได้ → ทุกธุรกรรมอยู่บนบล็อกเชน
  • ส่งหาใครก็ได้ทั่วโลก โดยไม่ต้องผ่านธนาคาร ถ้าคุณไม่สามารถหยุดรัฐบาลจากการพิมพ์เงินเพิ่มได้ ทางเลือกเดียวคือเปลี่ยนไปถือครองสินทรัพย์ที่ไม่ถูกลดค่าตลอดเวลา

คุณจะปล่อยให้เงินของคุณถูกลดค่าทุกปี หรือจะเริ่มศึกษา Bitcoin ตั้งแต่วันนี้?

ในโลกที่เงินสดถูกลดค่าทุกวัน คนที่เข้าใจระบบการเงินจะมองหา Store of Value ที่ปกป้องความมั่งคั่งของตัวเอง📌 Bitcoin อาจไม่ใช่คำตอบของทุกอย่าง… แต่มันคืออิสระทางการเงินที่เราเลือกได้เอง

แจ็ค ณัฐนภนต์ ทศแสนสิน

แบ่งปั่นบทความ

บทความที่น่าสนใจ

การจัดพอร์ตการลงทุนแบบ All Weather Portfolio

วันนี้ผมจะมาแชร์แนวคิดการจัดพอร์ตการลงทุนแบบ All Weather Portfolio ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่โด่งดังมาจาก ผ ...

ความรู้ทั่วไป

“จัดพอร์ตการลงทุนให้เวิร์ก… เหมือนจัดทีมฟุตบอลให้ได้แชมป์!”

  หากคุณเป็นนักลงทุนที่ชอบฟุตบอล คุณจะเข้าใจทันทีว่า การจัดพอร์ตโฟลิโอ ก็เหมือนกับการวางแผนส่ง ...

ความรู้ทั่วไป

7 ทักษะที่ทำให้คุณมีคุณค่าในยุค AI (มากกว่าการรู้แค่ใช้เครื่องมือ)

ในโลกที่ AI กำลังกลืนทุกวงการ คนส่วนใหญ่กลัวว่าจะถูกแทนที่… แต่ความจริงคือ AI ไม่ได้มาแท ...

ความรู้ทั่วไป
Message us