ทองคำ VS Bitcoin ในปี 2025 อะไรที่จะมาเป็นสินทรัพย์ที่ดีที่สุด

การเปรียบเทียบระหว่างทองคำ และ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันเงินเฟ้อในอนาคต มีทั้งข้อดี และข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับมุมมองและสถานการณ์ในตลาดเศรษฐกิจโลกดังนี้

ทองคำ

ข้อดี

  • 1.เป็นสินทรัพย์มั่นคง : ทองคำถูกใช้เป็นแหล่งเก็บมูลค่ามานานนับพันปี และมีมูลค่าที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
  • 2.ความคงทนต่อความผันผวน : ราคาทองคำมักมีความผันผวนน้อยกว่า Bitcoin และได้รับความไว้วางใจจากธนาคาทั่วโลก
  • 3.สินทรัพย์ที่จับต้องได้ : ทองคำเป็นของจริงและมีมูลค่าทางกายภาพ ไม่เสี่ยงต่อการสูญหายจากการโจมตีทางไซเบอร์
  • 4.การป้องกันเงินเฟ้อที่พิสูจน์ได้ : ทองคำเคยแสดงให้เห็นว่าให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงเงินเฟ้อสูงมานับร้อยๆปี ซึ่งก็เป็นสิ่งยืนยันได้อย่างหนึ่งว่า ทองคำสามารถป้องกันเงินเฟ้อได้จริงๆ

ข้อเสีย

  • สภาพคล่องต่ำกว่า  Bitcoin : การซื้อขายทองคำอาจใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่ากำเหน็จ
  • ไม่มีดอกเบี้ยหรือปันผล : ทองคำไม่สร้างรายได้เพิ่มเติม อย่าง  Bitcoin ยังสามารถเอาเหรียญที่มีไป Staking เพื่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมได้
  • การเก็บรักษา : ต้องมีสถานที่เก็บที่ปลอดภัยและต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เช่น ฝากในตู้เซฟของธนาคาร

Bitcoin

ข้อดี

  • 1.จำนวนจำกัด Bitcoin มีจำนวนทั้งหมดเพียง 21 ล้านเหรียญ ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการเพิ่มปริมาณเงินมากเกินไป
  • 2.มีสภาพคล่องสูง : สามารถซื้อ-ขายได้ 24 ชั่วโมงทั่วโลก
  • 3.ไม่ขึ้นกับรัฐบาลหรือธนาคารกลาง : ทำให้ Bitcoin มีความเป็นอิสระจากนโยบายการเงินที่ผิดพลาด
  • 4.การยอมรับเพิ่มขึ้น : ในช่วงปีหลัง Bitcoin ได้รับการยอมรับจากทั้งนักลงทุนรายใหญ่และสถาบันเพิ่มมากขึ้น

ข้อเสีย

  • 1.ความผันผวนสูง : มีความผันผวนสูงเกินไปไม่เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเสถียรภาพ
  • ความไม่แน่นอนในกฎระเบียบ : หลายประเทศยังไม่มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับ Bitcoin
  • ความเสี่ยงทางเทคโนโลยี : การโจมตีทางไซเบอร์หรือความผิดพลาดในระบบอาจจะกระทบต่อมูลค่าของ Bitcoin ได้ในอนาคต

สรุป

การป้องกันเงินเฟ้อในอนาคตอาจจะเป็นการลงทุนแบบผสมผสานทั้ง 2 สินทรัพย์เพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุน โดยขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนและระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนแต่ละประเภทรับได้

โค้ชโอ๊ต ศรัญญู โกศินานนท์

แบ่งปั่นบทความ

บทความที่น่าสนใจ

การเทรด

“เตรียมพร้อมสำหรับ Holiday Season: วางแผน การเทรด อย่างไรให้ปลอดภัย?”

การเทรด ในช่วง เทศกาล Holiday Season และปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่หลายคนเฝ้ารอ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน ท่องเที่ยว หรือเฉลิมฉลอง แต่สำหรับเทรดเดอร์ ช่วงเวลานี้กลับเป็นอีกหนึ่งความท้าทาย เนื่องจากตลาดมักมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากช่วงเวลาปกติ การวางแผน เทรด forex ให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเทรดได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจในช่วงเทศกาล เตรียม การเทรด พร้อมอย่างไร สำหรับ Holiday Season ใน ตลาด Forex 1. คาดการณ์ความผันผวนของ ตลาด Forex การเทรด ช่วงเทศกาลปลายปี ตลาดมักมีสภาพคล่องต่ำ เนื่องจากนักลงทุนและสถาบันการเงินส่วนใหญ่พักการทำธุรกรรม ทำให้ราคามีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนมากกว่าปกติ หรือในบางครั้งอาจเกิดการเคลื่อนไหวที่ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน เราควรเตรียมตัวรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ 2. ปรับขนาด Position ให้เหมาะสม ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน ควรลดขนาด Position เพื่อลดความเสี่ยง หากตลาดเคลื่อนไหวผิดทาง จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการขาดทุนมากเกินไป 3. กำหนดจุด Stop Loss และ Take Profit ชัดเจน การตั้งจุด Stop Loss และ Take Profit ล่วงหน้าจะช่วยลดความเครียดและเพิ่มความมั่นใจในการเทรด โดยเฉพาะในช่วงที่คุณอาจไม่ได้เฝ้าตลาดอย่างใกล้ชิด 4. เลี่ยงการเทรดในวันที่สภาพคล่องต่ำ วันหยุดนักขัตฤกษ์หรือวันทำการที่ใกล้วันหยุดมักมีปริมาณการซื้อขายต่ำ การเทรดในช่วงนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะเจอการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ หากไม่มั่นใจ ควรพักการเทรดในวันเหล่านี้ 5. ทบทวนแผนและประเมินผลในปีที่ผ่านมา ช่วงเทศกาลเป็นเวลาที่เหมาะสมในการทบทวนแผนการเทรดของคุณ ประเมินว่ากลยุทธ์ใดที่ได้ผล และสิ่งใดที่ควรปรับปรุง เพื่อเริ่มต้นปีใหม่ด้วยความพร้อมและเป้าหมายที่ชัดเจน สรุป เทรด forex ในช่วง Holiday Season การเทรด Holiday Season และเทศกาลปีใหม่ไม่ใช่แค่ช่วงเวลาแห่งความสุข แต่ยังเป็นช่วงที่ตลาดต้องการการวางแผนและการบริหารความเสี่ยงที่ดี เทรดเดอร์ควรปรับตัวให้เหมาะสม ลดขนาด Position ใช้ Stop Loss และหลีกเลี่ยงการเทรดในวันที่สภาพคล่องต่ำ พร้อมทั้งใช้โอกาสนี้ประเมินผลและวางแผนสำหรับปีหน้า เพื่อสร้างความสำเร็จที่ยั่งยืนในระยะยาว. โค้ชบิ๊ก กรกฎ อภิปัญญา

ความรู้ทั่วไป

“ขาดทุนในปี 2567 ไม่ได้หมายความว่าคุณแพ้ สู้ต่อในปี 2568 เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ”

ปี 2567 อาจเป็นปีที่หนักสำหรับหลายคน โดยเฉพาะเทรดเดอร์และนักลงทุนที่ต้องเผชิญกับตลาดที่ไม่เป็นใจ การขาดทุนไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยอมรับ แต่มันไม่ได้หมายความว่าคุณล้มเหลว เพราะบางครั้ง ความผิดพลาดคือ “ครูที่ดีที่สุด” ที่ช่วยให้เรามองเห็นเส้นทางที่ถูกต้องชัดเจนขึ้น ลองนึกถึงฟ้าหลังฝน แม้เมฆจะครึ้มและพายุจะดูน่ากลัว แต่เมื่อฝนหยุดตก ท้องฟ้าจะกลับมาสดใสอีกครั้ง เช่นเดียวกับการขาดทุน มันไม่ได้เป็นจุดจบของเส้นทางการลงทุน แต่เป็นโอกาสให้เราเรียนรู้ วิเคราะห์ และพัฒนากลยุทธ์ใหม่ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ปี 2568 กำลังมาถึง และมันคือจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเริ่มต้นใหม่ ลองย้อนกลับไปทบทวนการตัดสินใจที่ผ่านมา คุณอาจพบว่าบางครั้งตลาดไม่ได้เป็นตัวปัญหา แต่เป็นเพราะเราขาดแผนที่ชัดเจนหรือไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ดังนั้น อย่าลังเลที่จะตั้งเป้าหมายใหม่ ปรับปรุงแนวทาง และลงมือทำอีกครั้ง อย่าลืมว่า ความสำเร็จไม่ได้มาจากการไม่เคยล้ม แต่เกิดจากการลุกขึ้นใหม่ทุกครั้งที่ล้มลง ทุกคนที่ประสบความสำเร็จในตลาด ไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพหรือนักลงทุนระดับโลก ต่างก็เคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก พวกเขารู้ดีว่าการขาดทุนเป็นเพียงหนึ่งในก้าวเล็กๆ บนเส้นทางที่ยาวไกล ท้ายที่สุด การขาดทุนไม่ได้บ่งบอกว่าเราล้มเหลว แต่มันคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับปี 2568 ด้วยความมุ่งมั่นและพลังใหม่ เพราะทุกบทเรียนที่ได้จากปีที่ผ่านมา จะกลายเป็นกุญแจสำคัญที่พาเราไปสู่ความสำเร็จในอนาคต “ตลาดอาจไม่ใจดีกับคุณเสมอ แต่จงมั่นใจว่าคุณจะใจดีกับตัวเอง และลุกขึ้นสู้ต่อไป” โค้ชบิ๊ก กรกฎ อภิปัญญา

ความรู้ทั่วไป

8 คุณสมบัติที่ทำให้เป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จใจการเทรด

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมนักเทรดบางคนถึงสามารถสร้างกำไรอย่างต่อเนื่องได้ ขณะที่หลายคนยังคงล้มเหลว? ความแตกต่างไม่ได้อยู่ที่โชคชะตา แต่เป็นเรื่องของ “คุณสมบัติ” ที่นักเทรดเหล่านั้นมี! หากวันนี้คุณยังรู้สึกว่าการเทรดยังไม่เป็นไปตามที่หวัง ลองตรวจสอบตัวเองตาม 8 ข้อนี้ เพื่อดูว่าคุณมีสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จหรือไม่! 1. ความรู้และทักษะการวิเคราะห์ นักเทรดที่ดีต้องมีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับตลาดอย่างแน่นหนา เข้าใจว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจ ข่าวสาร หรือแม้แต่กราฟราคา สามารถส่งผลต่อการเทรดได้อย่างไร และยังต้องสามารถใช้เครื่องมือวิเคราะห์เชิงเทคนิค และพื้นฐาน เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ 2. การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ไม่มีใครสามารถทำนายตลาดได้ 100% แต่การจัดการความเสี่ยงช่วยลดความเสียหายได้ เช่น การตั้ง Stop Loss ในทุกการเทรด หรือเลือกขนาดของตำแหน่ง (Position Size) ให้เหมาะสมกับพอร์ตของคุณ ถามตัวเอง: คุณเคยเสี่ยงเกินไปในการเทรดหรือไม่? ถ้าใช่ ให้ปรับกลยุทธ์ใหม่ตั้งแต่วันนี้ 3. วินัยและความสม่ำเสมอ การขาดวินัยคือเหตุผลที่นักเทรดหลายคนล้มเหลว คุณต้องมี Trading Plan ที่ชัดเจน และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการตัดสินใจด้วยอารมณ์ เช่น การตามล่ากำไรที่เสียไป หรือรีบปิดกำไรเร็วเกินไปเพราะความกลัว ความจริงที่ต้องยอมรับ: การเทรดคือ “มาราธอน” ไม่ใช่ “วิ่ง 100 เมตร” 4. การบริหารเงินทุน (Capital Management) การจัดการเงินทุนช่วยให้คุณอยู่รอดในตลาดได้ในระยะยาว แม้แต่คนที่แพ้ 6 ใน 10 ครั้ง ก็ยังสามารถทำกำไรได้ หากเขารู้วิธีจัดการเงินอย่างถูกต้อง Key: อย่าลงทุนเกินกว่าที่คุณพร้อมจะเสีย 5. การมี Mindset ที่ถูกต้อง นักเทรดมืออาชีพรู้ว่า การเทรดไม่ใช่แค่การชนะหรือแพ้ในระยะสั้น แต่คือการพัฒนากระบวนการเพื่อสร้างกำไรในระยะยาว การยอมรับความผิดพลาดและเรียนรู้จากมันคือกุญแจสำคัญ Challenge: ถามตัวเองทุกครั้งหลังเทรด: “ฉันทำตามแผนหรือไม่?” 6. การใช้เครื่องมือและเทคโนโลยี ในยุคดิจิทัล การเทรดแบบมือเปล่าคงไม่ทันการแข่งขัน เครื่องมือช่วยวิเคราะห์ เช่น TradingView, MetaTrader หรือแม้แต่แอปส่งสัญญาณการเทรด สามารถเพิ่มโอกาสสำเร็จได้อย่างมาก ข้อคิด: เลือกเครื่องมือที่เหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณ 7. ความสามารถในการปรับตัว ...

ความรู้ทั่วไป
Message us