ทำไมรัฐบาลถึงผลักดัน Entertainment Complex?
เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำมาต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี ตั้งแต่ปี 2557 – 2566 GDP ของไทยโตเฉลี่ยเพียง 1.8% ขณะที่อาเซียนโดยรวมเติบโตมากกว่า 3.7% ทำให้ไทยเป็นประเทศที่โตช้าที่สุดในภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม “การท่องเที่ยว” ยังคงเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจหลัก ปี 2567 ไทยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ 35 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 1.8 ล้านล้านบาท ทำให้รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ผลักดัน Entertainment Complex (EC) หรือ สถานบันเทิงครบวงจร ขึ้นเป็น “นโยบายเร่งด่วน” หวังพลิกโฉมเศรษฐกิจไทย
เป้าหมายหลักของ Entertainment Complex
รัฐบาลมองว่าโครงการนี้จะ “ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว” ได้แก่:
- นำเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาบนดิน
- เศรษฐกิจนอกระบบของไทยมีมูลค่ามากกว่า 50% ของ GDP
- คาดหวังให้รัฐมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้นเพื่อนำไปพัฒนาประเทศ
- ลดปัญหาการพนันผิดกฎหมาย
- แทนที่การพนันเถื่อน บ่อนใต้ดิน และการไหลออกของเงินทุน
สร้างแลนด์มาร์คใหม่ ดึงดูดนักท่องเที่ยว
จาก “Natural Destination” ที่พึ่งพาธรรมชาติ → “Manmade Destination” เช่น คาสิโน สวนสนุก สนามกีฬา
โครงสร้างของ Entertainment Complex
โครงการนี้ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก:
1. Non-Gaming Area (พื้นที่หลัก 95-97%)
โรงแรมระดับ 5-6 ดาว
ร้านอาหารระดับ Michelin Star
ไนต์คลับ, สนามกอล์ฟ, ท่าจอดเรือ
สวนสนุกระดับโลก เช่น Universal Studio
คอนเสิร์ตฮอลล์, สนามกีฬา รองรับศิลปินระดับโลก
พิพิธภัณฑ์, ศูนย์ประชุม, ศูนย์การค้า ร้านค้าปลอดภาษี
กลุ่มเป้าหมาย: นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง
2. Gaming Area (พื้นที่ 3-5%)
คาสิโน สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
คนไทยเข้าได้ แต่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 5,000 บาท/วัน
มาตรการควบคุมเข้มข้น:
อายุต่ำกว่า 20 ปี ห้ามเข้า
ต้องมี หลักฐานรายได้
จำกัดวงเงินเดิมพัน
ครอบครัวสามารถแจ้ง Blacklist ห้ามสมาชิกเข้าเล่น
สถานที่ตั้งและงบลงทุน
คาดว่าจะสร้างบนพื้นที่ 300 ไร่
จังหวัดที่มีศักยภาพ:
ชลบุรี, ระยอง, ฉะเชิงเทรา (EEC)
ภูเก็ต, พังงา (ท่องเที่ยวทางทะเล)
อุดรธานี (ศูนย์กลางอีสาน เชื่อมลาว)
งบลงทุนขั้นต่ำ 100,000 ล้านบาท/โครงการ
เปิดประมูลให้ บริษัทไทย + ต่างชาติ เข้าร่วม
ต้องมี ทุนจดทะเบียน 10,000 ล้านบาท
สัมปทาน 30 ปี (ต่อได้ครั้งละ 10 ปี)
ค่าใบอนุญาต 5,000 ล้านบาท + ค่าธรรมเนียมรายปี 1,000 ล้านบาท
คาดว่าเปิดให้บริการ ปี 2572
ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่คาดหวัง
เพิ่มนักท่องเที่ยว 5-10%
เพิ่มการใช้จ่ายต่อทริปจาก 40,000 → 60,000 บาท
กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง Low Season 13%
สร้างงาน 9,000 – 15,000 ตำแหน่ง
เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว 100,000 – 200,000 ล้านบาท
ภาครัฐเก็บภาษีเพิ่ม 32,000 – 38,000 ล้านบาท/ปี
หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ ไทยอาจกลายเป็น “คาสิโนเบอร์ 3 ของโลก”
สิงคโปร์คาดว่าปี 2031 รายได้จากคาสิโน = 8.3 พันล้านดอลลาร์
ไทยอาจสูงถึง 9.1 พันล้านดอลลาร์
ความเสี่ยงและข้อกังวล
แม้จะมีศักยภาพสูง แต่ Entertainment Complex ยังเผชิญแรงค้านมหาศาล
โครงสร้างการกำกับดูแลของไทยยังอ่อนแอ
ดัชนีคอร์รัปชัน (CPI) ไทยอยู่ที่อันดับ 108 ของโลก
สิงคโปร์ที่มีความโปร่งใสสูง ยังเผชิญการฟอกเงินถึง 81,000 ล้านบาท
บ่อนใต้ดินอาจยังอยู่
คนรายได้น้อยที่ไม่สามารถเข้าคาสิโนถูกกฎหมาย อาจยังเล่นพนันเถื่อน
อาจเกิด “บ่อนเถื่อนในเงามืด” ที่รัฐควบคุมไม่ได้
อาชญากรรมและทุนสีเทา
UN รายงานว่ากลุ่มฟอกเงินจากจีนและมาเก๊ากำลัง ย้ายฐานมาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หากไทยเปิดคาสิโน อาจกลายเป็นจุดหมายใหม่ของทุนสีเทา
ข้อกฎหมายยังไม่แข็งแรง
สิงคโปร์มีกฎหมายคาสิโน (Casino Control Act 2006) ควบคุมเข้มข้น
ไทยยังไม่มีกรอบกฎหมายที่ครอบคลุม
บทสรุป: Entertainment Complex – โอกาสทอง หรือหลุมพราง?
ข้อดี:
กระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มเม็ดเงินลงทุนมหาศาล
ดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างงานจำนวนมาก
สร้างแลนด์มาร์คใหม่ เปลี่ยนไทยเป็นศูนย์กลางความบันเทิง
ความเสี่ยง:
ปัญหาคอร์รัปชันและการฟอกเงิน
การพนันเถื่อนและอาชญากรรมสีเทาอาจไม่ได้ลดลง
ระบบควบคุมของรัฐอาจยังไม่พร้อม
Entertainment Complex เป็นโอกาสที่ดี แต่ต้องบริหารอย่างรอบคอบ
หากไทยสามารถควบคุมความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้ แต่ถ้าบริหารผิดพลาด อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาที่ยากจะควบคุม
คุณคิดว่า Entertainment Complex จะเป็นโอกาส หรือความเสี่ยงกันแน่? 🤔
โค้ชแจ็ค ณัฐนภนต์ ทศแสนสิน