ความรู้ทั่วไป

Blog

บทความที่น่าสนใจ

การเทรด

“เตรียมพร้อมสำหรับ Holiday Season: วางแผน การเทรด อย่างไรให้ปลอดภัย?”

การเทรด ในช่วง เทศกาล Holiday Season และปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่หลายคนเฝ้ารอ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน ท่องเที่ยว หรือเฉลิมฉลอง แต่สำหรับเทรดเดอร์ ช่วงเวลานี้กลับเป็นอีกหนึ่งความท้าทาย เนื่องจากตลาดมักมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากช่วงเวลาปกติ การวางแผน เทรด forex ให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณเทรดได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจในช่วงเทศกาล เตรียม การเทรด พร้อมอย่างไร สำหรับ Holiday Season ใน ตลาด Forex 1. คาดการณ์ความผันผวนของ ตลาด Forex การเทรด ช่วงเทศกาลปลายปี ตลาดมักมีสภาพคล่องต่ำ เนื่องจากนักลงทุนและสถาบันการเงินส่วนใหญ่พักการทำธุรกรรม ทำให้ราคามีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนมากกว่าปกติ หรือในบางครั้งอาจเกิดการเคลื่อนไหวที่ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน เราควรเตรียมตัวรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ 2. ปรับขนาด Position ให้เหมาะสม ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน ควรลดขนาด Position เพื่อลดความเสี่ยง หากตลาดเคลื่อนไหวผิดทาง จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการขาดทุนมากเกินไป 3. กำหนดจุด Stop Loss และ Take Profit ชัดเจน การตั้งจุด Stop Loss และ Take Profit ล่วงหน้าจะช่วยลดความเครียดและเพิ่มความมั่นใจในการเทรด โดยเฉพาะในช่วงที่คุณอาจไม่ได้เฝ้าตลาดอย่างใกล้ชิด 4. เลี่ยงการเทรดในวันที่สภาพคล่องต่ำ วันหยุดนักขัตฤกษ์หรือวันทำการที่ใกล้วันหยุดมักมีปริมาณการซื้อขายต่ำ การเทรดในช่วงนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะเจอการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ หากไม่มั่นใจ ควรพักการเทรดในวันเหล่านี้ 5. ทบทวนแผนและประเมินผลในปีที่ผ่านมา ช่วงเทศกาลเป็นเวลาที่เหมาะสมในการทบทวนแผนการเทรดของคุณ ประเมินว่ากลยุทธ์ใดที่ได้ผล และสิ่งใดที่ควรปรับปรุง เพื่อเริ่มต้นปีใหม่ด้วยความพร้อมและเป้าหมายที่ชัดเจน สรุป เทรด forex ในช่วง Holiday Season การเทรด Holiday Season และเทศกาลปีใหม่ไม่ใช่แค่ช่วงเวลาแห่งความสุข แต่ยังเป็นช่วงที่ตลาดต้องการการวางแผนและการบริหารความเสี่ยงที่ดี เทรดเดอร์ควรปรับตัวให้เหมาะสม ลดขนาด Position ใช้ Stop Loss และหลีกเลี่ยงการเทรดในวันที่สภาพคล่องต่ำ พร้อมทั้งใช้โอกาสนี้ประเมินผลและวางแผนสำหรับปีหน้า เพื่อสร้างความสำเร็จที่ยั่งยืนในระยะยาว. โค้ชบิ๊ก กรกฎ อภิปัญญา

ความรู้ทั่วไป

“ขาดทุนในปี 2567 ไม่ได้หมายความว่าคุณแพ้ สู้ต่อในปี 2568 เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ”

ปี 2567 อาจเป็นปีที่หนักสำหรับหลายคน โดยเฉพาะเทรดเดอร์และนักลงทุนที่ต้องเผชิญกับตลาดที่ไม่เป็นใจ การขาดทุนไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยอมรับ แต่มันไม่ได้หมายความว่าคุณล้มเหลว เพราะบางครั้ง ความผิดพลาดคือ “ครูที่ดีที่สุด” ที่ช่วยให้เรามองเห็นเส้นทางที่ถูกต้องชัดเจนขึ้น ลองนึกถึงฟ้าหลังฝน แม้เมฆจะครึ้มและพายุจะดูน่ากลัว แต่เมื่อฝนหยุดตก ท้องฟ้าจะกลับมาสดใสอีกครั้ง เช่นเดียวกับการขาดทุน มันไม่ได้เป็นจุดจบของเส้นทางการลงทุน แต่เป็นโอกาสให้เราเรียนรู้ วิเคราะห์ และพัฒนากลยุทธ์ใหม่ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ปี 2568 กำลังมาถึง และมันคือจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเริ่มต้นใหม่ ลองย้อนกลับไปทบทวนการตัดสินใจที่ผ่านมา คุณอาจพบว่าบางครั้งตลาดไม่ได้เป็นตัวปัญหา แต่เป็นเพราะเราขาดแผนที่ชัดเจนหรือไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ดังนั้น อย่าลังเลที่จะตั้งเป้าหมายใหม่ ปรับปรุงแนวทาง และลงมือทำอีกครั้ง อย่าลืมว่า ความสำเร็จไม่ได้มาจากการไม่เคยล้ม แต่เกิดจากการลุกขึ้นใหม่ทุกครั้งที่ล้มลง ทุกคนที่ประสบความสำเร็จในตลาด ไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพหรือนักลงทุนระดับโลก ต่างก็เคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก พวกเขารู้ดีว่าการขาดทุนเป็นเพียงหนึ่งในก้าวเล็กๆ บนเส้นทางที่ยาวไกล ท้ายที่สุด การขาดทุนไม่ได้บ่งบอกว่าเราล้มเหลว แต่มันคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับปี 2568 ด้วยความมุ่งมั่นและพลังใหม่ เพราะทุกบทเรียนที่ได้จากปีที่ผ่านมา จะกลายเป็นกุญแจสำคัญที่พาเราไปสู่ความสำเร็จในอนาคต “ตลาดอาจไม่ใจดีกับคุณเสมอ แต่จงมั่นใจว่าคุณจะใจดีกับตัวเอง และลุกขึ้นสู้ต่อไป” โค้ชบิ๊ก กรกฎ อภิปัญญา

ความรู้ทั่วไป

ทองคำ VS Bitcoin ในปี 2025 อะไรที่จะมาเป็นสินทรัพย์ที่ดีที่สุด

การเปรียบเทียบระหว่างทองคำ และ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันเงินเฟ้อในอนาคต มีทั้งข้อดี และข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับมุมมองและสถานการณ์ในตลาดเศรษฐกิจโลกดังนี้ ทองคำ ข้อดี ข้อเสีย Bitcoin ข้อดี ข้อเสีย สรุป การป้องกันเงินเฟ้อในอนาคตอาจจะเป็นการลงทุนแบบผสมผสานทั้ง 2 สินทรัพย์เพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุน โดยขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนและระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนแต่ละประเภทรับได้ โค้ชโอ๊ต ศรัญญู โกศินานนท์

ความรู้ทั่วไป

8 คุณสมบัติที่ทำให้เป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จใจการเทรด

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมนักเทรดบางคนถึงสามารถสร้างกำไรอย่างต่อเนื่องได้ ขณะที่หลายคนยังคงล้มเหลว? ความแตกต่างไม่ได้อยู่ที่โชคชะตา แต่เป็นเรื่องของ “คุณสมบัติ” ที่นักเทรดเหล่านั้นมี! หากวันนี้คุณยังรู้สึกว่าการเทรดยังไม่เป็นไปตามที่หวัง ลองตรวจสอบตัวเองตาม 8 ข้อนี้ เพื่อดูว่าคุณมีสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จหรือไม่! 1. ความรู้และทักษะการวิเคราะห์ นักเทรดที่ดีต้องมีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับตลาดอย่างแน่นหนา เข้าใจว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจ ข่าวสาร หรือแม้แต่กราฟราคา สามารถส่งผลต่อการเทรดได้อย่างไร และยังต้องสามารถใช้เครื่องมือวิเคราะห์เชิงเทคนิค และพื้นฐาน เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ 2. การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ไม่มีใครสามารถทำนายตลาดได้ 100% แต่การจัดการความเสี่ยงช่วยลดความเสียหายได้ เช่น การตั้ง Stop Loss ในทุกการเทรด หรือเลือกขนาดของตำแหน่ง (Position Size) ให้เหมาะสมกับพอร์ตของคุณ ถามตัวเอง: คุณเคยเสี่ยงเกินไปในการเทรดหรือไม่? ถ้าใช่ ให้ปรับกลยุทธ์ใหม่ตั้งแต่วันนี้ 3. วินัยและความสม่ำเสมอ การขาดวินัยคือเหตุผลที่นักเทรดหลายคนล้มเหลว คุณต้องมี Trading Plan ที่ชัดเจน และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงการตัดสินใจด้วยอารมณ์ เช่น การตามล่ากำไรที่เสียไป หรือรีบปิดกำไรเร็วเกินไปเพราะความกลัว ความจริงที่ต้องยอมรับ: การเทรดคือ “มาราธอน” ไม่ใช่ “วิ่ง 100 เมตร” 4. การบริหารเงินทุน (Capital Management) การจัดการเงินทุนช่วยให้คุณอยู่รอดในตลาดได้ในระยะยาว แม้แต่คนที่แพ้ 6 ใน 10 ครั้ง ก็ยังสามารถทำกำไรได้ หากเขารู้วิธีจัดการเงินอย่างถูกต้อง Key: อย่าลงทุนเกินกว่าที่คุณพร้อมจะเสีย 5. การมี Mindset ที่ถูกต้อง นักเทรดมืออาชีพรู้ว่า การเทรดไม่ใช่แค่การชนะหรือแพ้ในระยะสั้น แต่คือการพัฒนากระบวนการเพื่อสร้างกำไรในระยะยาว การยอมรับความผิดพลาดและเรียนรู้จากมันคือกุญแจสำคัญ Challenge: ถามตัวเองทุกครั้งหลังเทรด: “ฉันทำตามแผนหรือไม่?” 6. การใช้เครื่องมือและเทคโนโลยี ในยุคดิจิทัล การเทรดแบบมือเปล่าคงไม่ทันการแข่งขัน เครื่องมือช่วยวิเคราะห์ เช่น TradingView, MetaTrader หรือแม้แต่แอปส่งสัญญาณการเทรด สามารถเพิ่มโอกาสสำเร็จได้อย่างมาก ข้อคิด: เลือกเครื่องมือที่เหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณ 7. ความสามารถในการปรับตัว ...

ความรู้ทั่วไป

Decentralized คืออะไร และทำไมนักเทรด Bitcoin ควรรู้?

“Decentralized” หรือการกระจายอำนาจ คือการทำให้ระบบไม่มีศูนย์กลางควบคุม แต่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนที่ผู้ใช้ทุกคนในระบบสามารถตรวจสอบธุรกรรมได้ร่วมกัน ช่วยให้ระบบโปร่งใสและปลอดภัยมากขึ้น นี่คือเหตุผลที่แนวคิด Decentralized มีความสำคัญสำหรับการเทรด Bitcoin ทำไม Decentralized จึงสำคัญสำหรับการเทรด Bitcoin? ความปลอดภัยสูง: การกระจายข้อมูลช่วยลดโอกาสถูกโจมตี เพราะไม่มีการเก็บข้อมูลที่จุดเดียว โปร่งใสและเชื่อถือได้: ทุกคนสามารถตรวจสอบธุรกรรมได้ ทำให้มั่นใจว่าข้อมูลจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลง ควบคุมเงินทุนด้วยตัวเอง: Decentralized ช่วยให้นักเทรดถือครองคริปโตได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง ทำให้มีอิสระในการจัดการเงิน ลดค่าใช้จ่ายและเวลาธุรกรรม: การโอนเงินในระบบบล็อกเชนรวดเร็วและเสียค่าธรรมเนียมน้อยลง โอกาสการลงทุนใหม่ ๆ: เช่น DeFi ที่ให้ผลตอบแทนโดยไม่ต้องมีตัวกลาง ความท้าทายของ Decentralized แม้ Decentralized มีข้อดี แต่ก็ซับซ้อนและต้องการการจัดการด้วยตนเอง เช่น การป้องกันความเสี่ยงหากรหัสผ่านสูญหาย การเข้าใจ Decentralized จะช่วยให้นักเทรด Bitcoin สามารถลงทุนอย่างมั่นใจมากขึ้น โดยเห็นถึงข้อดีและเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น โค้ชอ๊อฟ กิตติวัฒน์ คล้ายมณี

ความรู้ทั่วไป

การสร้างระบบการเทรดที่ยั่งยืน ที่มือใหม่ จะต้องรู้

การเทรด เป็นสิ่งที่ต้องการมากกว่าความรู้และทักษะในการวิเคราะห์กราฟหรือการอ่านข่าวสารเศรษฐกิจ ทุกๆการเทรดที่ทำกำไรได้อย่างยั่งยืนนั้นจำเป็นต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ และสามารถทำซ้ำได้อย่างเป็นระบบ รวมถึงการทดสอบและปรับปรุงระบบนั้นๆ อย่างต่อเนื่อง นี่คือวิธีการสร้างระบบการเทรดที่สามารถใช้งานได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว 1. การตั้งเงื่อนไขและสร้างแผนการเทรดที่ชัดเจน ระบบการเทรดที่ดีควรมี เงื่อนไขที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการ เข้า-ออก ออเดอร์, การตั้งจุด Stop loss (SL), และการตั้งเป้า Take profit (TP) ทุกการตัดสินใจควรมีเหตุผล และหลักการรองรับ เพื่อลดความสับสน ความตื่นเต้น และลดความเครียดในระหว่างการเทรดหรือการถือ Position ได้ 2. การทดสอบระบบการเทรด (Backtesting) ก่อนที่เราจะใช้ระบบการเทรดที่สร้างเงื่อนไขมาชัดเจนเเล้วจริง ๆ สิ่งที่ควรทำคือการทดสอบย้อนหลัง (backtesting) โดยการนำระบบไปทดสอบกับข้อมูลย้อนหลังในตลาด การทดสอบนี้จะช่วยให้คุณเห็นว่าระบบของคุณทำงานยังไงในสภาวะตลาดต่าง ๆ และช่วยปรับปรุงหรือแก้ไขข้อบกพร่องก่อนที่จะนำไปใช้งานจริง 3. การจัดการความเสี่ยง แม้ระบบการเทรดของจะมีกลยุทธ์การเข้าซื้อที่ดีแค่ไหนก็ตาม หากไม่มีการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม เราก็อาจเสียเงินทุนทั้งหมดได้ เพราะฉะนั้นระบบที่ยั่งยืนต้องมีการจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวด เช่น การตั้ง stop loss ในทุกการเทรด, การกำหนดจำนวนเงินที่พร้อมจะเสี่ยงได้ในแต่ละครั้ง, และการควบคุมขนาดของ lot ให้เหมาะสมกับเงินทุนของตัวเอง 4. การติดตามและปรับปรุงระบบ ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการใช้ระบบเทรดที่ยั่งยืน จำเป็นต้องมีการปรับปรุงระบบอย่างต่อเนื่อง ระบบที่เคยทำกำไรได้ดีในอดีต อาจไม่สามารถใช้งานได้ดีในปัจจุบัน ดังนั้น คุณควรทบทวนและปรับปรุงระบบเป็นระยะๆ โดยการทดสอบแนวทางใหม่ๆ และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ 5. การควบคุมอารมณ์และมีวินัยในการเทรด การสร้างระบบที่ดีต้องมาพร้อมกับการควบคุมอารมณ์และการมีวินัยในการเทรดของตัวเองให้ดี ระบบที่ดีเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้เราประสบความสำเร็จได้ หากไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ได้ 6. การบันทึกและวิเคราะห์การเทรด การบันทึกการเทรดจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของระบบว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด การบันทึกรายละเอียด เช่น จุดเข้า-ออก, กำไรหรือขาดทุน, และที่สำคัญคืออารมณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการเทรด จะช่วยให้เราเรียนรู้จากความผิดพลาดและปรับปรุงระบบให้ดีขึ้นได้ครับ นนท์ พงศ์พล สุภกรรม

ความรู้ทั่วไป

3 กลยุทธ์เทรด Futures เพื่อรับมือกับสภาวะ ตลาดขาขึ้น-ขาลง-Sideway

เคยสงสัยกันไหมว่า นักลงทุนมืออาชีพ เขามีกลยุทธ์อะไรที่ช่วยทำกำไรได้จริง? บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกวิธีการลงทุนแบบง่ายๆ ที่ไม่ต้องซับซ้อน แต่ใช้งานได้ผลจริง! ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในช่วงขาขึ้น ขาลง หรือเคลื่อนไหวในกรอบ (Sideway) คุณก็สามารถรับมือได้ พร้อมทั้งแนะนำวิธีดูสัญญาณตลาด และปรับกลยุทธ์การเทรดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา 3 รูปแบบตลาด 3 กลยุทธ์ทำกำไร 1. ตลาด Sideway 2. ตลาดขาขึ้นแรง (Bullish Market) 3. ตลาดขาลงแรง (Bearish Market) “ไม่ต้องซับซ้อน ดูทิศทางตลาดให้ออก เล่นตามจังหวะ ง่ายๆ แต่ได้กำไรแน่นอน!” ซึ่งหลักการนี้เป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนในตลาดFutures โค้ชแจ็ค ณัฐนภนต์ ทศแสนสิน

ความรู้ทั่วไป

“เมื่อขาดทุนหนัก เราจะกลับมาได้อย่างไร”

การขาดทุนหนักในการเทรดเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่สำหรับเทรดเดอร์ทุกคน ไม่ว่าจะมือใหม่หรือมืออาชีพ การขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการลงทุน สิ่งสำคัญคือ เราจะฟื้นตัวกลับมาได้อย่างไรเมื่อพอร์ตของเราประสบปัญหา การขาดทุนไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นโอกาสให้เราเรียนรู้ พัฒนาตัวเอง และกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม โค้ชบิ๊ก กรกฎ อภิปัญญ

ความรู้ทั่วไป

Leverage คืออะไร ใช้ยังไงไม่ให้ขาดทุน ?

Leverage จริงๆ มันก็เหมือนการยืมแรงคนอื่นมาช่วยทำงาน ถ้าคุณมีเงิน 1,000 บาท แต่ใช้ Leverage 1:100 คุณก็เทรดได้เหมือนมีเงิน 100,000 บาทเลย ฟังดูดีใช่ไหม? แต่ข้อเสียคือ ถ้าเทรดพลาด เงิน 1,000 บาทของคุณอาจหายไปเร็วกว่าเดิมหลายเท่า Leverage ดีตรงไหน? มันช่วยให้คนที่มีเงินทุนน้อย เข้าตลาดใหญ่ๆ ได้ เหมือนคุณอยากจะขี่จักรยานขึ้นเขา แต่มีคนช่วยดันหลังให้ มันทำให้ถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น แต่ทำไมถึงอันตราย? ลองนึกดูนะ ถ้าคุณใช้ Leverage เยอะเกินไป กราฟราคาวิ่งสวนทางนิดเดียว พอร์ตคุณก็อาจพังได้เลย เหมือนปั่นจักรยานลงเนินแล้วเบรกไม่ทัน ทำไมต้องใช้ Leverage สูง? Leverage สูงทำให้คุณใช้เงินทุนในพอร์ตน้อยลงในการเปิดออเดอร์ เช่น มีเงิน 1,000 บาท แต่สามารถเปิดเทรดที่มูลค่าสูงๆ ได้โดยใช้แค่เงินส่วนหนึ่ง การใช้ Leverage สูงจะช่วยให้พอร์ตมีพื้นที่ปลอดภัยมากขึ้น เคล็ดลับ: ใช้ Leverage สูงแต่ Lot เล็ก ตัวอย่าง:ถ้าคุณมีเงิน 10,000 บาท ใช้ Leverage 1:500 แม้กราฟจะเหวี่ยงแรง พอร์ตคุณก็ยังทนได้ TIP :  Leverage สูงไม่ได้แปลว่าต้องเทรดใหญ่! ใช้มันให้เหมาะสม เปิด Lot ให้น้อยที่สุด แล้วพอร์ตของคุณจะปลอดภัยมากขึ้น มันไม่สำคัญว่าคุณใช้ Leverage เท่าไหร่ สำคัญที่ว่าคุณคุมความเสี่ยงได้ดีแค่ไหน โค้ชแจ็ค ณัฐนภนต์ ทศแสนสิน

ความรู้ทั่วไป
Message us