ข่าวรายวัน

Blog

บทความที่น่าสนใจ

ทองคำมุ่งสู่ระดับสูงสุดในประวัติการณ์อีกครั้ง

สรุปข่าวสุดสัปดาห์ : ทองคำมุ่งสู่ระดับสูงสุดในประวัติการณ์อีกครั้ง แม้ตัวเลขเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯ จะกดดันราคาทองต้นสัปดาห์ราคาทองคำฟิวเจอร์หลังจากย่อพักตัวเล็กน้อยในวันจันทร์ แม้หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐอเมริกาออกมาดีกว่าคาด กดดันให้ราคาทองย่อตัวเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถทำให้แนวโน้มเดิมเปลี่ยนได้ ทำให้ช่วงค่ำวันพฤหัสบดีราคาทองคำได้ปรับ ตัวขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง ด้านราคาน้ำมันสัปดาห์นี้หลังจากปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงสองสัปดาห์ก่อนหน้า ในช่วงสัปดาห์นี้ก็ถูกกดดันจาก ภาพรวมเศรษฐกิจฝั่งจีนที่ดูไม่ค่อยสู้ดีนัก ส่งผลให้ความต้องการในการบริโภคน้ำมันลดลง และทางด้านอิสราเอลก็เลือกที่ออกมาประกาศว่าจะไม่มีการโจมตีแหล่งน้ำมันของอิหร่านด้วย รวมถึงตัวเลขความต้องการน้ำมันในในอีกสามปีข้างหน้าจาก กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน ออกมาบอกว่าความต้องการจะน้อยลงด้วย จึงกดดันให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงได้อย่างรุนแรงในสัปดาห์นี้ โดยในช่วงสัปดาห์หน้าแม้แนวโน้มของราคาน้ำมันอาจจะกลับตัวลงแล้ว เเต่ เหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์อาจจะส่งผลให้ราคาอาจกลับตัวได้ในระยะสั้น แต่ตามแนวโน้มแล้วก็ยังคงเป็นขาลงอยู่ ส่วนทางด้านทองคำแม้จะปรับตัวขึ้นมาช่วงสุดสัปดาห์แล้ว เเต่ก็ยังคงสามารถขึ้นต่อได้อย่าวต่อเนื่อง ดังนั้นเราอยากให้นักลงทุนทุกท่านติดตามปัจจัยต่างๆ ที่จะกระทบต่อตลาดในสัปดาห์หน้าในช่วงวันพฤหัสบดี ที่จะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวไว้อย่างใกล้ชิดด้วยครับ By นนท์ พงศ์พล สุภกรรม

ข่าวรายวัน

Core Retail Sales หรือ การรายงานยอดขายปลีกพื้นฐาน

Core Retail Sales หรือ การรายงานยอดขายปลีกพื้นฐาน ถือเป็นดัชนีที่สำคัญมากที่สุด ที่บ่งชี้ถึงการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค คือเป็นมูลค่ายอดขายสินค้า หรือบริการให้กับผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งเป็นรายงานที่จะบ่งชี้ถึงการ เปลี่ยนแปลงในมูลค่าทั้งหมดของยอดขายในธุรกิจขายปลีกทั้งหมดในประเทศสหรัฐอเมริกา ทั่วไปแล้วจะแบ่งออกเป็นหลายหมวดหมู่ เช่น ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องแต่งกาย ของตกแต่งบ้าน อาหารและเครื่องดื่ม และอีกมากมาย แต่จะยกเว้นยอดขายของบริษัทรถยนต์และน้ำมัน โดยรายงานยอดค้าปลีกพื้นฐานนี้ จะเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญมาก และยังสามารถบ่งบอกแนวโน้มการขยายตัว หรือหดตัว ของเศรษฐกิจในอนาคตได้ด้วย โดยตัวเลขที่ออกมาหากมีค่าดีกว่าคาดการณ์จะเป็นผลบวกต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และตลาดหุ้น เนื่องจากยอดขายของแต่ละบริษัทก็จะมีแนวโน้มดีขึ้นด้วย แต่ในทางกลับกัน ก็จะกดดันราคาทองให้เกิดการปรับตัวลงได้เช่นเดียวกัน ในทางกลับกัน หากค่าที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ก็จะกดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อราคาทอง ทำให้ราคาทองมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ ในการรายงานครั้งที่ผ่านมา ตัวเลขยอดขายปลีกพื้นฐานออกมาต่ำกว่าคาด ที่ 0.1% ในส่วนของคืนนี้ค่าประมาณการที่ตลาดคาดจะอยู่ที่ 0.1% เท่าเดิมแสดงถึงมุมมองของนักลงทุนมองว่ายอดขายปลีกพื้นฐานอาจจะยังขยายตัวอยู่แต่ขยายตัวในระดับเดิมเมื่อเทียบกับเดือนที่เเล้วครับ บทความโดย โค้ชนนท์

ข่าวรายวัน

รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI : Producer Price Index)

ดัชนี PPI เป็นดัชนีที่ใช้เป็นตัวประเมินอัตราเงินเฟ้อในระดับผู้ผลิต โดยเฉพาะในระดับอุตสาหกรรมหรือผลิตภัณฑ์ และยังช่วยปรับมูลค่าการผลิต มูลค่าเพิ่ม และค่าใช้จ่ายขั้นกลางจากราคาปัจจุบัน เพื่อใช้วัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่แท้จริงของเศรษฐกิจที่เป็นผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ทั้งภาวะเงินเฟ้อจากฝั่งผู้ผลิต ภาวะการค้าของประเทศ งบประมาณรายจ่ายและนโยบายทางการเงิน นโยบายการผลิตและตลาด และการปรับสัญญาซื้อขายในระยะยาว แม้ว่าดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) กับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะสามารถชี้ให้เห็นถึงระดับเงินเฟ้อในระบบเศรษฐกิจเหมือนกัน แต่ทั้ง 2 ดัชนีนี้ก็มีความแตกต่างกัน คือ PPI จะเป็นเครื่องมือที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการจากฝั่งผู้ผลิต ซึ่งตัวเลข PPI จะสามารถวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาก่อนที่ผู้บริโภคจะซื้อสินค้าและบริการขั้นสุดท้าย ขณะที่ CPI เป็นเครื่องมือที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการจากฝั่งผู้บริโภคเท่านั้น โดยสรุปแล้ว ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ก็คือหนึ่งในมาตรวัดเงินเฟ้อที่มาจากฝั่งผู้ผลิต แต่ส่งผลกระทบไปทุกระดับ ทั้งผู้ผลิตเอง ผู้ขนส่ง จนถึงผู้บริโภค อีกทั้งยังส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจด้วย โดยตัวเลขที่ผ่านมาในช่วงเดือนก่อนหน้า จะเห็นว่าค่าจริงที่ออกมา 0.2% ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มจากทางฝั่งผู้ผลิตยังคงปรับตัวขึ้นอยู่ โดยตัวเลขคาดการณ์ในครั้งนี้อยู่ที่ 0.1% ลดลงเล็กน้อยจากค่าจริงในเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นมุมมองจากนักวิเคราะห์ว่าต้นทุนจากฝั่งผู้ผลิตมีแนวโน้มปรับลดลงเล็กน้อย ซึ่งรอบเดือนที่แล้วที่ประกาศตัวเลข PPI ออกมา พฤติกรรมราคาทองคำจะปรับตัวรุนแรงขึ้นเป็น Trend ดังนั้น วันนี้เราก็อยากให้เทรดเดอร์ทุกท่านติดตามตัวเลขที่จะประกาศออกมาในคืนนี้อย่างใกล้ชิดด้วยครับ โค้ชนนท์

ข่าวรายวัน

ตัวเลข Non-Farm Payroll หรือ การจ้างงานนอกภาคเกษตร

ตัวเลข Non-Farm Payroll หรือ การจ้างงานนอกภาคเกษตร จะวัดจำนวนคนงานในสหรัฐอเมริกา ยกเว้นคนงานในภาคเกษตรกรรม ครัวเรือนส่วนตัว พนักงานองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร และทหารที่ประจำการ โดยรายงานจะจัดทำโดย สำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) โดยจะสำรวจหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั่วสหรัฐอเมริกาเพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับเงินเดือนของพวกเขา ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมจะถูกรายงานต่อสาธารณะทุกๆ วันศุกร์แรกของเดือนเรามาทำความเข้าใจเรื่อง Nonfarm Payroll กันจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ การจัดประเภทพนักงานนอกภาคเกษตรคิดเป็นประมาณ 80% ของภาคธุรกิจของสหรัฐอเมริกาที่มีส่วนทำให้เกิดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ดังนั้นการรายงานตัวเลขนี้จึงมีความสำคัญอย่างมากต่อสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) : หากตัวเลขที่ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ มักทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เพราะจะสื่อถึงว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่ง ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากต่ำกว่าที่คาดการณ์ ค่าเงินดอลลาร์อาจอ่อนตัวลงตลาดหุ้น : หากรายงานตัวเลขที่ออกมาแข็งแกร่ง อาจส่งผลดีต่อตลาดหุ้น เพราะมันบ่งบอกถึงความเจริญทางเศรษฐกิจและความสามารถของบริษัทในการขยายธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ถ้าตัวเลขสูงเกินไป อาจทำให้นักลงทุนกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วขึ้น ก็สามารถส่งผลลบต่อหุ้นได้ทองคำ (XAUUSD) : ทองคำมักจะมีความสัมพันธ์ทางลบกับค่าเงินดอลลาร์ หากค่าที่ออกมาดีกว่าคาด ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งอาจทำให้ราคาทองคำร่วงลง ในทางกลับกัน หากรายงานตัวเลขต่ำกว่าที่คาดการณ์ ทองคำอาจปรับตัวขึ้นได้โดยรายงานในเดือนที่ผ่านมา ตัวเลขออกมาที่ 142 K ตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มากพอสมควร โดยในสัปดาห์นี้ตัวเลขคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ออกมาที่ 148 K ตำแหน่ง ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นจากตัวเลขจริงที่ออกมาเมื่อเดือนที่แล้วเล็กน้อย ซึ่งมุมมองจากค่าคาดการณ์อาจสื่อถึงการจ้างงานในสหรัฐเพิ่มมากขึ้นที่เป็นผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเนื่องจากทาง FED จะเริ่มหันมาจับตามองเกี่ยวกับตลาดแรงงานมากขึ้น Non-Farm Payroll 04/10/2024 โค้ชนนท์ พงศ์พล สุภกรรม

ข่าวรายวัน

Job Openings and Labor Turnover Survey

คือการรายงานหรือการสำรวจตำแหน่งว่างงานใหม่ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมาเป็นรายเดือน ซึ่งดำเนินการโดยกระทรวงแรงงานของสหรัฐฯ เพื่อเป็นเกณฑ์ในการบ่งบอกอัตราตำแหน่งว่างงานในเดือนนั้นๆ โดยข้อมูลที่ประกาศออกมาจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งงานที่ว่างในตลาดแรงงาน รวมถึงการหมุนเวียนแรงงาน โดยตัวเลขตำแหน่งว่างงานจะเป็นตำแหน่งทั้งหมดที่เปิดรับสมัคร ในวันทำการสุดท้ายของเดือน ซึ่งไม่รวมฝั่งอุตสาหกรรมการเกษตร โดยตัวเลขนี้จำชี้วัดตำแหน่งงานที่ว่าง ที่ยังไม่ได้รับการจ้างคนเข้าไปทำงาน ตัวเลข JOLTs นี้มีความสำคัญคือการให้ภาพรวมที่คลอบคลุมของตลาดแรงงานมากกว่าข้อมูลอัตราว่างงานรายสัปดาห์ มักจะถูกใช้เป็นหนึ่งในมาตรวัดสำหรับภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนั้นเราจะเห็นว่า เมื่อใดก็ตามที่มีประกาศตัวเลขนี้ กราฟมักจะมีความผันผวนเสมอ ซึ่งหากค่าประกาศออกมามากกว่าที่คาดการณ์ หรือว่างงานน้อยกว่าคาด จะเป็นการส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งก็จะกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลงได้ แต่หากค่าออกมาน้อยกว่าที่คาดการณ์ หรือว่างงานมากกว่าที่คาด จะเป็นการกดดันค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งก็จะเป็นผลบวกต่อทองจากตัวเลขที่ออกมาล่าสุด จะเห็นว่าตำแหน่งว่างงานใหม่ของสหรัฐนั้นมีการปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแสดงถึงภาพรวมว่าตลาดแรงงานนั้นอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะตัวเลขรอบก่อนออกมาต่ำกว่าคาดการณ์พอสมควร โดยในวันนี้ ค่าที่คาดการณ์ออกมาจากนักวิเคราะห์มองว่าจะตำแหน่งว่างงานใหม่มีโอกาสลดลงจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อยที่ 7.640 ล้านตำแหน่ง ซึ่งถ้าออกมาตามคาดจริงก็จะแสดงถึงว่าตลาดแรงงานจะอ่อนเเอลงเล็กน้อย ดังนั้นเราอยากให้โฟกัสตัวเลขที่จะประกาศออกมาในคืนนี้ให้ดีหากมีการผิดคาด เพราะตัวเลขภาคแรงงานจะเป็นตัวเลขที่ทาง FED ต้องหันมาโฟกัสมากขึ้นเพราะจะส่งผลต่อการตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางเดือนพอสมควร นนท์ พงศ์พล สุภกรรม

ข่าวรายวัน

รายงานความเชื่อมั่นของผู้บริโภคคณะกรรมการการประชุม (CB Consumer confident)

รายงานความเชื่อมั่นของผู้บริโภคคณะกรรมการการประชุม (CB Consumer confident) เป็นตัวเลขวัดระดับความเชื่อมั่นผู้บริโภคในระบบเศรษฐกิจ โดยรายงานนี้จะเป็นดัชนีสำคัญที่ทำนายการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม โดยค่าตัวเลขที่สูงขึ้น แสดงให้ถึงความกล้า และความสามารถในการบริโภคที่มากขึ้น ซึ่งถือเป็นแหล่งสำคัญของข้อมูลทางเศรษฐกิจ เพราะเป็นค่าที่สามารถใช้คาดการณ์ถึงแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจของทางฝั่งผู้บริโภคได้ นอกจากนี้ยังเป็นค่าที่สามารถสะท้อนถึง GDP ที่จะประกาศออกมาในอนาคตได้อีกด้วย การคำนวณดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคนั้น จะใช้วิธีสำรวจโดยการใช้แบบสอบถาม ทั้งที่มีการสัมภาษณ์ ตัวต่อตัว และการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ซึ่งจะแบ่งหัวข้อแบบสอบถามเป็นสามหัวข้อหลักคือ ข้อมูลทั่วไป ข้อมูลความคิดเห็นของผู้บริโภคเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันและสถานการณ์อนาคต และข้อเสนอแนะ ก่อนที่จะนำเอาคำตอบไปประมวลผลออกมาเป็นตัวเลข โดยมีค่าระหว่าง 0 – 100 ค่ากลางที่ 50 กรณีที่ค่ามากกว่าค่ากลาง บ่งบอกถึงฝั่งผู้บริโภคยังมีความมั่นใจสูงอยู่ แต่หากตัวเลขมีค่าน้อยกว่า 50 หมายถึงความมั่นใจของผู้บริโภคต่ำ ในบางประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตได้ดีมากๆ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็มีโอกาสที่จะมีค่าเกิน 100 ได้ด้วยเช่นกัน โดยการสอบถาม จะมีการเลือกพื้นที่แบบคลอบคลุมทั้งประเทศก่อนค่อยทำการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างตามอาชีพ และหมุนเวียนกลุ่มตัวอย่างตลอด สำหรับตัวเลข CB Consumer confident ประจำเดือนที่จะรายงานในคืนนี้ ถูกคาดการณ์ไว้ที่ 103.5 ซึ่งคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ผ่านมาที่ 103.3 เล็กน้อย ทั้งนี้หากตัวเลขออกมาสูงกว่าคาดการณ์จะเป็นผลบวกกับค่าเงิน USD (เศรษฐกิจแข็งแรง) และกดดันราคาทองคำให้ปรับลดลง แต่หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ จะเป็นผลลบกับค่าเงิน USD (เศรษฐกิจอ่อนแอกว่าคาด) และผลักดันให้ทองคำปรับตัวสูงขึ้นได้ บทความโดย โค้ชนนท์ พงศ์พล สุภกรรม

ข่าวรายวัน

รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ

รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ (Purchasing Managers Index)ดัชนี PMI เป็นดัชนีที่ใช้เป็นตัวบ่งชี้สภาวะทางเศรษฐกิจของภาคการผลิตและภาคการบริการ ย่อมาจาก Purchasing Managers Index หรือก็คือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ เป็นตัวเลขที่รายงานเพื่อให้ข้อมูลทางด้านสภาวะทางเศรษฐกิจต่อนักลงทุน นักวิเคราะห์ และประชาชนทั่วไป ซึ่งจะเป็นการสำรวจกลุ่มผู้ประกอบการฝ่ายจัดซื้อภาคเอกชน โดยมุ่งเน้นการสำรวจผ่าน 5 ตัวแปรหลัก ประกอบด้วย ยอดสั่งซื้อใหม่ ปริมาณสินค้าคงคลัง สายการผลิต การส่งสินค้าซัพพลาย และการจ้างงาน โดยจะสอบถามรวมไปถึงสภาพธุรกิจและการเปลี่ยนแปลงทั้งดีขึ้น เท่าเดิม หรือแย่ลง หากกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มจะเติบโตในช่วง 1 ไตรมาสหน้า ทางผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อย่อมต้องเร่งสั่งซื้อวัตถุติบตั้งแต่วันนี้ ดังนั้น หากผลสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อบ่งชี้ว่า มีการซื้อวัตถุดิบเพิ่มมากขึ้น ย่อมแสดงถึงแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ การใช้ดัชนี PMI นอกจากสะท้อนสภาวะทางเศรษฐกิจของภาคการผลิต และบริการในปัจจุบันแล้ว ยังสะท้อนมุมมองสภาพเศรษฐกิจในอนาคตอีกด้วย โดยดัชนีนี้จะมีค่าอยู่ที่ 0 – 100 โดยหากค่าตัวเลขที่ออกมามีค่าเกิน 50 จะเป็นตัวชี้วัดว่าระบบเศรษฐกิจมีการขยายตัว และจะไปหนุน USD แต่ถ้าตัวเลขใดออกมาต่ำกว่า 50 จะมีมุมมองว่าเศรษฐกิจหดตัว และมีแนวโน้มจะไปกดดันในส่วนของ USD โดยตัวเลขที่ผ่านมาในช่วงเดือนก่อนหน้า จะเห็นว่าค่าจริงที่ออกมาจากฝั่งภาคการผลิต อยู่ที่ 47.9 ซึ่งบ่งบอกว่า ฝั่งของภาคการผลิตนั้นขยายตัวไม่มากเท่าที่ควรจะเป็น ส่วนภาคการบริการอยู่ที่ 55.7 ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มว่ายังคงมีการขยายตัวอยู่เเต่ไม่ได้มากนัก เเต่ทั้งสองภาคทั้งการผลิตกับภาคการบริการ มีค่าที่บ่งชี้ไปในคนละทิศทาง แสดงถึงความไม่แน่นอนในภาพรวมของสภาวะทางเศรษฐกิจ ซึ่งค่าในครั้งนี้ที่กำลังจะออกมาตอนช่วง 20.45 รอบนี้ ด้านภาคการผลิตค่าคาดการณ์อยู่ที่ 48.6 และด้านภาคการบริการ มีค่าคาดการณ์อยู่ที่ 55.3 ซึ่งมองในมุมเศรษฐกิจตัวเลขคาดการณ์อาจบ่งบอกถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่แย่ลงเล็กน้อยครับ โค้ชนนท์

ข่าวรายวัน

Core Retail Sales หรือ การรายงานยอดขายปลีกพื้นฐาน

Core Retail Sales หรือ การรายงานยอดขายปลีกพื้นฐาน ถือเป็นดัชนีที่สำคัญมากที่สุด ที่บ่งชี้ถึงการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค คือเป็นมูลค่ายอดขายสินค้า หรือบริการให้กับผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งเป็นรายงานที่จะบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงในมูลค่าทั้งหมดของยอดขายในธุรกิจขายปลีกทั้งหมดในประเทศสหรัฐอเมริกา ทั่วไปแล้วจะแบ่งออกเป็นหลายหมวดหมู่ เช่น ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องแต่งกาย ของตกแต่งบ้าน อาหารและเครื่องดื่ม และอีกมากมาย แต่จะยกเว้นยอดขายของบริษัทรถยนต์และน้ำมัน โดยรายงานยอดค้าปลีกพื้นฐานนี้ จะเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญมาก และยังสามารถบ่งบอกแนวโน้มการขยายตัว หรือหดตัว ของเศรษฐกิจในอนาคตได้ด้วย โดยตัวเลขที่ออกมาหากมีค่าดีกว่าคาดการณ์จะเป็นผลบวกต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และตลาดหุ้น เนื่องจากยอดขายของแต่ละบริษัทก็จะมีแนวโน้มดีขึ้นด้วย แต่ในทางกลับกัน ก็จะกดดันราคาทองให้เกิดการปรับตัวลงได้เช่นเดียวกัน ในทางกลับกัน หากค่าที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ก็จะกดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อราคาทอง ทำให้ราคาทองมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ ในการรายงานครั้งที่ผ่านมา ตัวเลขยอดขายปลีกพื้นฐานออกมาสู่งกว่าคาด ที่ 0.4% ซึ่งถือว่าเยอะมากกว่าคาดพอสมควร ในส่วนคืนนี้ค่าประมาณการที่ตลาดคาดจะอยู่ที่ 0.2% แสดงถึงมุมมองของนักลงทุนมองว่ายอดขายปลีกพื้นฐานอาจจะยังขยายตัวอยู่แต่ขยายตัวลดลงกว่าเดือนที่เล็กน้อย ซึ่งในเดือนที่ผ่านมาตัวเลขมีความผันผวนพอสมควร จึงทำการประเมินได้ยากว่าจะออกมาเช่นไร ดังนั้นเราอยากให้ติดตามการประกาศตัวเลขนี้อย่างใกล้ชิดด้วยกันครับ บทความโดย โค้ชนนท์

ข่าวรายวัน

ทองคำยืนจ่อแนว All time high ทั้งสัปดาห์ก่อนข่าว Non Farm Payrolls

ตั้งแต่ต้นสัปดาห์มีราคาทองคำฟิวเจอร์การปรับตัว;วนเวียนอยู่บริเวณโซน All time high รอการประกาศตัวเลขอัตราการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ที่หากออกมาน้อยกว่าคาดจะส่งเสริมโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยของ FED ได้ ซึ่งค่าที่ออกมาก็ส่งผลให้นักลงทุนให้น้ำหนัก ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% เพิ่มมากขึ้นในการประชุมช่วงกลางเดือนนี้อีกด้วย ด้านราคาน้ำมันสัปดาห์นี้ทิ้งตัวลงมาทั้งสัปดาห์เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐและจีน รวมทั้งความเป็นไปได้ที่ลิเบียจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น โดยความกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าคาด รวมทั้งข่าวที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส อาจชะลอแผนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีกด้วย โดยในช่วงสัปดาห์หน้าแม้แนวโน้มของราคาน้ำมันอาจจะกลับตัวขึ้นได้ยาก ส่วนทางด้านทองคำแม้จะปรับตัวขึ้นมาอยู่โซน All time high แล้ว ก็ยังมีโอกาสขึ้นได้อย่างต่อเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจได้เรื่อยๆ เเม้ในเชิงเทคนิคระยะสั้นจะยังไม่คอนเฟิร์มก็ตาม และในช่วงสัปดาห์หน้าจะมีการประกาศตัวเลข CPI และ PPI อีกด้วย เราอยากให้นักลงทุนทุกท่านติดตามข้อมูลตัวเลขที่จะประกาศออกมาให้ดีด้วยครับ By นนท์ พงศ์พล สุภกรรม

ข่าวรายวัน
Message us