Blog

บทความที่น่าสนใจ

ข่าววันที่ 27/11/2024 : รายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)

GDP ย่อมาจาก Gross Domestic Product หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ โดยเป็นการที่นับรายได้ที่เกิดขึ้นจากในประเทศเท่านั้น ไม่ว่าจะสัญชาติใดก็ตาม โดย GDP จะนับการคำนวณเฉพาะรายได้ที่เกิดขึ้นในประเทศเท่านั้น ไม่นับรายได้ที่ต่างประเทศ ถ้าหากค่า GDP ออกมาเป็นบวก แสดงถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่มีการเติบโตขึ้น มีเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น แต่สิ่งที่อาจตามมาได้ คือ อัตราเงินเฟ้อที่อาจจะสูงขึ้นได้เช่นกัน เพราะเมื่อคนมีความต้องการซื้อกันมากขึ้น สามารถดันให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นมาได้ ถ้าหากค่า GDP ออกมาเป็นลบ แสดงถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัวลง มีเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศลดลง อย่างไรก็ตาม เมื่อ GDP คือ ค่าที่ใช้วัดความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ ดังนั้น ถ้าหากค่า GDP ประเทศสหรัฐอเมริกา ออกมาที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้จะถือว่าเป็นลักษณะเชิงบวกต่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะกดดันให้ราคาทองปรับตัวลงได้ และในขณะที่ค่า GDP ประเทศสหรัฐอเมริกา ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ถือว่าเป็นลักษณะเชิงลบ สำหรับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาทองปรับตัวขึ้นได้ ในคืนนี้ ค่า GDP ที่จะประกาศออกมาจะเป็นค่า GDP แบบ Preliminary ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกิดจากการเก็บข้อมูลดิบ โดยตัวเลขที่จะประกาศวันนี้จะเป็นตัวเลขที่ไม่ใช่ Final GDP ทำให้ส่งผลต่อความผันผวนของราคาอาจจะยังไม่รุนแรงมากถ้าหากไม่ผิดคาดการณ์มากนัก โดยภาพรวมคาดการณ์ GDP ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ที่ 2.8% ซึ่งถือว่าปรับตัวลดลงจากรอบ Final รอบที่แล้วเล็กน้อยด้วย โค้ชนนท์ พงศ์พล สุภกรรม

ข่าวรายวัน

“อาชีพเทรดเดอร์… อาชีพมหัศจรรย์ที่ใครก็สร้างได้”

ในโลกที่เต็มไปด้วยอาชีพมากมาย มีเพียงไม่กี่อาชีพที่สามารถมอบทั้งอิสรภาพทางเวลาและการเงินได้พร้อมกัน ซึ่ง “เทรดเดอร์” เป็นหนึ่งในอาชีพเหล่านั้น ความมหัศจรรย์ของอาชีพนี้ไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขกำไรเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงศักยภาพในการพัฒนาตัวเองอย่างไม่สิ้นสุด แต่ต้องย้ำไว้เสมอว่า อาชีพนี้มหัศจรรย์ แต่ไม่ง่าย สรุป อาชีพเทรดเดอร์อาจเป็นอาชีพที่ “มหัศจรรย์” แต่ความมหัศจรรย์นั้นมาพร้อมกับความยากลำบาก เทรดเดอร์ทุกคนต้องเผชิญความล้มเหลว ความไม่แน่นอน และการต่อสู้กับจิตใจของตัวเองเสมอ การเทรดเปรียบเสมือนการออกเรือสู่มหาสมุทรกว้างใหญ่ บางวันเราต้องเผชิญพายุ บางวันลมอาจสงบจนแทบไม่มีแรงขับเคลื่อน แต่หากเรามีเข็มทิศ (ความรู้) พายเรือด้วยจังหวะที่มั่นคง (วินัย) และมีเป้าหมายปลายทางชัดเจน (ความมุ่งมั่น) เราจะเดินทางถึงฝั่งฝันได้ ความสำเร็จในอาชีพเทรดเดอร์ไม่ได้เกิดขึ้นจากโชค แต่เกิดจากการฝึกฝนและความมุ่งมั่นที่ไม่เคยหยุดยั้ง ใครที่พร้อมรับมือกับความท้าทาย อาชีพนี้จะมอบอิสระและโอกาสที่ไร้ขีดจำกัดให้กับเราอย่างแท้จริง โค้ชบิ๊ก กรกฎ อภิปัญญา

ความรู้ทั่วไป

ข่าว Existing Home Sales 21/11/2024

รายงานยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) เป็นตัวเลขวัดการเปลี่ยนแปลงในจำนวนอาคารที่อยู่อาศัยมือสองทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดที่ถูกซื้อขายในเดือนที่ผ่านมา จัดทำโดย National Association of Realtors ซึ่งในรายงานจะแบ่งเป็นยอดขายและราคาขายในแต่ละโซนตามภูมิภาคของประเทศสหรัฐอเมริกา (Northeast, Midwest, South, West) โดยรายงานนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตลาดอสังหาริมทรัพย์และเป็นดัชนีสำคัญที่ชี้วัดถึงความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจในภาพรวม โดยตัวเลขนี้จะเป็นตัวเลขที่อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ พิจารณาเรื่องการปรับขึ้น หรือ ลดอัตราดอกเบี้ยได้ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนี้จะเป็นสิ่งที่ส่งผลบวกต่อค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งกระทบในทางลบต่อราคาทองคำโดยตรง และสิ่งสำคัญอีกอย่างคือการแสดงออกถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอีกด้วย สำหรับตัวเลข Existing Home Sales ประจำเดือนกันยายนนี้ที่จะรายงานในคืนนี้ ถูกคาดการณ์ไว้ที่ 3.94 ล้านยูนิต ซึ่งคาดว่าจะมีปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าซึ่งค่าออกมาที่ 3.84 ล้านยูนิตเล็กน้อย ทั้งนี้ถ้าดูจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในสัปดาห์ที่เเล้วที่ออกมาไม่ต่างจากคาดการณ์มากนัก ก็ส่งผลให้สามารถมองว่าตัวเลขยอดขายบ้านมือสองนี้ อาจออกมาใกล้เคียงกับคาดการณ์ได้ครับ บทความโดย โค้ชนนท์

ข่าวรายวัน

“เทรดเดอร์แบบไหนที่คุณไม่ควรเป็น?”

การเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยทั้งความรู้ ประสบการณ์ และการมีวินัยในการเทรด แต่หลายครั้งที่เทรดเดอร์พลาดเพราะขาดการวางแผนหรือไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เรามาดูกันว่า “เทรดเดอร์แบบไหนที่คุณไม่ควรเป็น” เพื่อช่วยเตือนสติและป้องกันการขาดทุนในอนาคต การเทรดที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยการวางแผน ความมีวินัย และการควบคุมอารมณ์ ถ้าเราหลีกเลี่ยงการเป็นเทรดเดอร์ประเภทนี้ได้ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้นโค้ชบิ๊ก กรกฎ อภิปัญญา

ความรู้ทั่วไป

Core Retail Sales หรือ การรายงานยอดขายปลีกพื้นฐาน 15/11/2024

Core Retail Sales หรือ การรายงานยอดขายปลีกพื้นฐาน ถือเป็นดัชนีที่สำคัญมากที่สุด ที่บ่งชี้ถึงการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค คือเป็นมูลค่ายอดขายสินค้า หรือบริการให้กับผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งเป็นรายงานที่จะบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงในมูลค่าทั้งหมดของยอดขายในธุรกิจขายปลีกทั้งหมดในประเทศสหรัฐอเมริกา ทั่วไปแล้วจะแบ่งออกเป็นหลายหมวดหมู่ เช่น ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องแต่งกาย ของตกแต่งบ้าน อาหารและเครื่องดื่ม และอีกมากมาย แต่จะยกเว้นยอดขายของบริษัทรถยนต์และน้ำมัน โดยรายงานยอดค้าปลีกพื้นฐานนี้ จะเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญมาก และยังสามารถบ่งบอกแนวโน้มการขยายตัว หรือหดตัว ของเศรษฐกิจในอนาคตได้ด้วย โดยตัวเลขที่ออกมาหากมีค่าดีกว่าคาดการณ์จะเป็นผลบวกต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และตลาดหุ้น เนื่องจากยอดขายของแต่ละบริษัทก็จะมีแนวโน้มดีขึ้นด้วย แต่ในทางกลับกัน ก็จะกดดันราคาทองให้เกิดการปรับตัวลงได้เช่นเดียวกัน ในทางกลับกัน หากค่าที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ก็จะกดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อราคาทอง ทำให้ราคาทองมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ ในการรายงานครั้งที่ผ่านมา ตัวเลขยอดขายปลีกพื้นฐานออกมามากกว่าคาด ที่ 0.5% ซึ่งถือว่าเติบโตเยอะพอสมควร ซึ่งในส่วนของคืนนี้ค่าประมาณการที่ตลาดคาดจะอยู่ที่ 0.2% เท่าเดิมแสดงถึงมุมมองของนักลงทุนมองว่ายอดขายปลีกพื้นฐานอาจจะยังขยายตัวอยู่แต่ขยายตัวในระดับที่น้อยลงกว่าเดือนก่อนหน้าเล็กน้อยครับ บทความโดย โค้ชนนท์

ข่าวรายวัน

CPI หรือ Consumer Price Index คือดัชนีราคาผู้บริโภค 13/11/2024

CPI หรือ Consumer Price Index คือดัชนีราคาผู้บริโภค เป็นตัวเลขที่เอาไว้ชี้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการ ที่สามารถเอาไว้ชี้วัดในส่วนของภาวะเงินเฟ้อได้ ซึ่งจะถูกใช้ในการปรับปรุงอัตราเงินเดือน ให้สอดคล้องกับราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น แถมยังเป็นตัวเลขที่ชี้วัดอำนาจซื้อของผู้บริโภค กรณีตัวเลข CPI สูงขึ้นนั่นหมายความว่าอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นด้วย ทำให้ตัวเลขของดอกเบี้ยมักจะสูงขึ้นด้วยเพื่อควบคุมความรุนแรงของเงินเฟ้อ และในทางกลับกัน หาก CPI อยู่ในระดับต่ำ แนวโน้มดอกเบี้ยก็มีโอกาสที่จะผ่อนคลายลงด้วยเช่นเดียวกัน โดยถ้าหากค่า CPI ออกมาดีกว่าคาดการณ์ จะมีแนวโน้มเป็นบวกต่อค่าเงิน USD ให้มีโอกาสแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะกดดันราคาทองลงได้ แต่ถ้าหากค่าออกมาแย่กว่าคาดการณ์ ก็จะเป็นการกดดันค่าเงิน USD ให้อ่อนค่าลง ซึ่งจะส่งผลบวกต่อราคาทองได้ โดยในการประกาศตัวเลข CPI (%YoY) ครั้งล่าสุด ตัวเลขที่ออกมาอยู่ที่ 2.4% ซึ่งลดลงจากครั้งก่อนหน้าเล็กน้อย ซึ่งก็ค่อยๆปรับเข้าสู่ความคาดหมายของ FED ที่ระดับ 2% โดยค่าคาดการณ์ในเดือนนี้ที่คาดการณ์ออกมาอยู่ที่ 2.6% ซึ่งถ้าหากค่าจริงออกมาใกล้เคียงกับคาดการณ์ จะแสดงออกว่าดัชนีราคาผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทำให้มีโอกาสที่ FED จะประกาศว่าจะไม่ลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมได้ ดังนั้นต้องติดตามข้อมูลตัวเลขในคืนนี้กันอย่างใกล้ชิดนะครับ บทความโดย โค้ชนนท์ พงศ์พล สุภกรรม

ข่าวรายวัน

รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ PMI (Purchasing Managers Index)

ดัชนี PMI เป็นดัชนีที่ใช้เป็นตัวบ่งชี้สภาวะทางเศรษฐกิจของภาคการบริการ ย่อมาจาก Purchasing Managers Index หรือก็คือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ เป็นตัวเลขที่รายงานเพื่อให้ข้อมูลทางด้านสภาวะทางเศรษฐกิจต่อนักลงทุน นักวิเคราะห์ และประชาชนทั่วไป ซึ่งจะเป็นการสำรวจกลุ่มผู้ประกอบการฝ่ายจัดซื้อภาคเอกชน โดยครั้งนี้จะเป็นการรายงานเกี่ยวกับภาคการบริการซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากภาคการผลิตเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า หากกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มจะเติบโตในช่วง 1 ไตรมาสหน้า ทางผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อย่อมต้องเร่งสั่งซื้อวัตถุติบตั้งแต่วันนี้ ดังนั้น หากผลสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อบ่งชี้ว่า มีการซื้อวัตถุดิบเพิ่มมากขึ้น ย่อมแสดงถึงแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ การใช้ดัชนี PMI นอกจากสะท้อนสภาวะทางเศรษฐกิจของภาคการผลิต และบริการในปัจจุบันแล้ว ยังสะท้อนมุมมองสภาพเศรษฐกิจในอนาคตอีกด้วย โดยดัชนีนี้จะมีค่าอยู่ที่ 0 – 100 โดยหากค่าตัวเลขที่ออกมามีค่าเกิน 50 จะเป็นตัวชี้วัดว่าระบบเศรษฐกิจมีการขยายตัว และจะไปหนุน USD แต่ถ้าตัวเลขใดออกมาต่ำกว่า 50 จะมีมุมมองว่าเศรษฐกิจหดตัว และมีแนวโน้มจะไปกดดันในส่วนของ USD โดยตัวเลขที่ผ่านมาในช่วงเดือนก่อนหน้า จะเห็นว่าค่าจริงที่ออกมาจะเห็นว่าค่าจากสถาบัน ISM จะออกมาต่ำกว่าทางสถาบัน S&P Global เเต่ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 50 หน่วย ซึ่งบ่งบอกถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงไม่ได้เเย่ลงมากนัก ซึ่งจากคาดการณ์รอบนี้จะเห็นว่าทั้งสองสถาบันยังคงให้มุมมองที่ 55.3 (S&P Global) และ 53.7 (ISM) ซึ่งแสดงถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่เติบโตเล็กน้อย เเต่ด้วยความผันผวนในการประกาศตัวเลขรอบที่ผ่านมา ทำให้ในรอบนี้นักลงทุนอาจต้องติดตามค่าที่จะออกมาอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ เพราะค่าคาดการณ์จากทั้งสองแหล่งมองว่าจะออกมาไม่เท่ากันด้วย โค้ชนนท์

ข่าวรายวัน

SPDR Gold Trust คือใคร ? และทำไมเราควรต้องรู้จักกองทุนนี้ก่อนการลงทุนในทองคำ

ในโลกของการลงทุนทองคำชื่อนี้ เป็นชื่อที่นักลงทุนทั่วโลกคุ้นเคย กองทุน SPDR หรือ SPDR Gold Shares ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 โดย State Street Global Advisors และมีจุดประสงค์หลักคือการลงทุนในทองคำแท้ๆ เพื่อตอบสนองนักลงทุนที่ต้องการถือครองทองคำ ที่ไม่อยากต้องเอาเงินมาซื้อ และถือครองทองคำจริง SPDR Gold Trust คืออะไร ? SPDR Gold Trust เป็นกองทุน ETF ที่ลงทุนในทองคำแท่งจริงๆ ซึ่งกองทุนนี้จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถลงทุนในทองคำได้โดยไม่ต้องยุ่งยากในการเก็บรักษาทองคำเอง กองทุนนี้ถือครองทองคำแท่งเป็นตันๆ ซึ่งจัดเก็บในห้องเก็บรักษาที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างดีทั่วโลก ซึ่งมูลค่าของกองทุนนั้นก็จะสามารถปรับเพิ่มหรือลดลงตามความต้องการและราคาทองคำในตลาดโลก SPDR Gold Trust มีบทบาทอย่างไรในตลาดทองคำ ด้วยการถือครองทองคำจริงที่มีมูลค่ามหาศาล SPDR Gold Trust จึงมีอิทธิพลต่อราคาทองคำอย่างมาก ทุกครั้งที่กองทุนนี้ซื้อหรือขายทองคำในปริมาณมาก จะส่งผลให้ราคาทองคำในตลาดมีการเคลื่อนไหว บ่อยครั้งที่นักวิเคราะห์จะติดตามการเคลื่อนไหวของ SPDR Gold Trust เพื่อคาดการณ์ทิศทางราคาทองคำ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม ทำไมนักลงทุนถึงต้องสนใจลงทุนใน SPDR Gold Trust หนึ่งในข้อดีของการลงทุนใน SPDR Gold Trust คือความสะดวกสบาย นักลงทุนสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนของ SPDR ได้เหมือนหุ้น ทำให้สามารถซื้อขายทองคำได้ทุกเวลาที่ตลาดเปิด นอกจากนี้ การลงทุนใน SPDR ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาทองคำ และยังช่วยลดความเสี่ยงจากการต้องขนย้ายทองคำจริงอีกด้วยSPDR Gold Trust เหมาะกับใคร SPDR Gold Trust เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยง เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวน การถือครองทองคำผ่าน SPDR Gold Trust จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการปกป้องมูลค่าของพอร์ตการลงทุนจากภาวะตลาดที่ไม่แน่นอน สรุป SPDR Gold Trust เป็นกองทุน ETF ที่มีบทบาทสำคัญในตลาดทองคำ โดยการถือครองทองคำแท่งในปริมาณมหาศาล ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนในทองคำได้อย่างสะดวกและปลอดภัย หากคุณเป็นนักลงทุนที่สนใจในสินทรัพย์ที่มั่นคงอย่างทองคำ การทำความรู้จักกับ SPDR Gold Trust อาจเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุนในอนาคตครับ

ความรู้ทั่วไป

Non-Farm Payroll 01/11/2024 ตัวเลข Non-Farm Payroll หรือ การจ้างงานนอกภาคเกษตร

ตัวเลข Non-Farm Payroll หรือ การจ้างงานนอกภาคเกษตร จะวัดจำนวนคนงานในสหรัฐอเมริกา ยกเว้นคนงานในภาคเกษตรกรรม ครัวเรือนส่วนตัว พนักงานองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร และทหารที่ประจำการ โดยรายงานจะจัดทำโดย สำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) โดยจะสำรวจหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั่วสหรัฐอเมริกาเพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับเงินเดือนของพวกเขา ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมจะถูกรายงานต่อสาธารณะทุกๆ วันศุกร์แรกของเดือน เรามาทำความเข้าใจเรื่อง Nonfarm Payroll กันจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ การจัดประเภทพนักงานนอกภาคเกษตรคิดเป็นประมาณ 80% ของภาคธุรกิจของสหรัฐอเมริกาที่มีส่วนทำให้เกิดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ดังนั้นการรายงานตัวเลขนี้จึงมีความสำคัญอย่างมากต่อสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) : หากตัวเลขที่ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ มักทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เพราะจะสื่อถึงว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่ง ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากต่ำกว่าที่คาดการณ์ ค่าเงินดอลลาร์อาจอ่อนตัวลง ตลาดหุ้น : หากรายงานตัวเลขที่ออกมาแข็งแกร่ง อาจส่งผลดีต่อตลาดหุ้น เพราะมันบ่งบอกถึงความเจริญทางเศรษฐกิจและความสามารถของบริษัทในการขยายธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ถ้าตัวเลขสูงเกินไป อาจทำให้นักลงทุนกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วขึ้น ก็สามารถส่งผลลบต่อหุ้นได้ ทองคำ (XAUUSD) : ทองคำมักจะมีความสัมพันธ์ทางลบกับค่าเงินดอลลาร์ หากค่าที่ออกมาดีกว่าคาด ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งอาจทำให้ราคาทองคำร่วงลง ในทางกลับกัน หากรายงานตัวเลขต่ำกว่าที่คาดการณ์ ทองคำอาจปรับตัวขึ้นได้ โดยรายงานในเดือนที่ผ่านมา ตัวเลขออกมาที่ 254 K ตำแหน่ง ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้มากเกือบเท่าตัว ซึ่งถือว่าตัวเลขผันผวนมากๆ ซึ่งในสัปดาห์นี้ตัวเลขคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ออกมาที่ 111 K ตำแหน่ง ซึ่งลดลงจากรอบที่เเล้วกว่าครึ่งเช่นเดียวกัน ซึ่งมุมมองจากค่าคาดการณ์อาจสื่อถึงการจ้างงานในสหรัฐเพิ่มลดลงมาก ทำให้เป็นผลเสียต่อภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯโดยรวมได้ครับ โค้ชนนท์ พงศ์พล สุภกรรม

ข่าวรายวัน
Message us