วันนี้ผมจะมาแชร์แนวคิดการจัดพอร์ตการลงทุนแบบ All Weather Portfolio ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่โด่งดังมาจาก ผู้จัดการกองทุนระดับโลกอย่าง Ray Dalio
All Weather Portfolio เป็นแนวคิดการจัดพอร์ตการลงทุนที่ออกแบบโดย Ray Dalio ผู้ก่อตั้ง Bridgewater Associates ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แนวคิดนี้มุ่งเน้นไปที่การกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อให้พอร์ตสามารถอยู่รอดและเติบโตได้ในทุกสภาวะเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นภาวะตลาดขาขึ้น ขาลง หรือเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ
หลักการสำคัญของ All Weather Portfolio
- กระจายสินทรัพย์ให้เหมาะสม (Asset Allocation)
- แนวคิดหลักคือ “อย่าใส่ไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว” โดยจัดสรรสินทรัพย์หลายประเภทเพื่อลดความเสี่ยง
- พอร์ตควรมีทั้งสินทรัพย์เสี่ยง (หุ้น) และสินทรัพย์ปลอดภัย (พันธบัตร ทองคำ สินค้าโภคภัณฑ์)
- เตรียมรับมือทุกสภาวะตลาด (Economic Seasons)
- Ray Dalio เชื่อว่าเศรษฐกิจมี 4 ฤดูกาลหลักที่ส่งผลต่อตลาด ได้แก่
- เงินเฟ้อสูง → ราคาสินค้าและวัตถุดิบเพิ่มขึ้น (เช่น น้ำมัน ทองคำจะได้ประโยชน์)
- เงินเฟ้อต่ำ → พันธบัตรและหุ้นมักให้ผลตอบแทนดี
- เศรษฐกิจขยายตัว → หุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์เติบโต
- เศรษฐกิจหดตัว → พันธบัตรรัฐบาลและทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
- ลดความเสี่ยงของพอร์ตโดยใช้สินทรัพย์ที่เคลื่อนตัวตรงข้ามกัน
- แต่ละสินทรัพย์ตอบสนองต่อสภาพเศรษฐกิจแตกต่างกัน เช่น
- ถ้าหุ้นร่วง พันธบัตรมักจะขึ้น
- ถ้าเงินเฟ้อสูง ทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์อาจเติบโต
- การรวมสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์ต่ำช่วยให้พอร์ตมีเสถียรภาพมากขึ้น
ตัวอย่างสัดส่วนพอร์ต All Weather Portfolio (Ray Dalio’s Allocation)
Ray Dalio แนะนำการจัดพอร์ตตามสัดส่วนดังนี้:
สินทรัพย์ | สัดส่วน (%) | เหตุผล |
หุ้น (Stock – S&P 500 หรือ ETF) | 30% | รองรับช่วงเศรษฐกิจขยายตัว |
พันธบัตรรัฐบาลระยะยาว (Long-term Bonds – 20+ ปี) | 40% | ป้องกันความเสี่ยงช่วงเศรษฐกิจถดถอย |
พันธบัตรรัฐบาลระยะกลาง (Intermediate Bonds – 7-10 ปี) | 15% | เพิ่มความมั่นคงของพอร์ต |
ทองคำ (Gold – ETF หรือ Physical) | 7.5% | ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและค่าเงินลดลง |
สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities – เช่น น้ำมัน, โลหะมีค่า) | 7.5% | รองรับภาวะเงินเฟ้อสูง |
ข้อดีของ All Weather Portfolio
✔ ลดความเสี่ยง – ไม่เน้นลงทุนหนักไปในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง ทำให้ลดความผันผวน
✔ ผลตอบแทนสม่ำเสมอ – พอร์ตถูกออกแบบมาให้สามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวโดยไม่ได้รับผลกระทบมากจากสภาวะตลาด
✔ เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว – ไม่ต้องปรับพอร์ตบ่อยๆ และสามารถลงทุนแบบ DCA (Dollar Cost Averaging) ได้
เหมาะกับใคร?
- นักลงทุนที่ต้องการ ความมั่นคงและผลตอบแทนระยะยาว
- คนที่ไม่ต้องการเฝ้าตลาดหรือเทรดบ่อยๆ
- นักลงทุนที่ต้องการ ปกป้องเงินต้นจากความผันผวน
All Weather Portfolio เป็นแนวทางการลงทุนที่ช่วยลดความเสี่ยงและทำให้พอร์ตสามารถเติบโตได้ในทุกสภาพเศรษฐกิจ แม้ว่าผลตอบแทนจะไม่สูงสุดในช่วงตลาดขาขึ้น แต่ในระยะยาวพอร์ตนี้สามารถให้ผลตอบแทนที่มั่นคงและลดการขาดทุนจากความผันผวนของตลาด
หากต้องการนำไปใช้จริง ควรปรับพอร์ตให้เหมาะกับความเสี่ยงและเป้าหมายของตัวเอง เช่น อาจเพิ่มสัดส่วนหุ้นหากต้องการผลตอบแทนสูงขึ้น หรือเพิ่มพันธบัตรหากต้องการลดความเสี่ยง
บทความโดย โค้ชอ๊อฟ กิตติวัฒน์ คล้ายมณี