จากบทความที่แล้ว DX Academy เราได้ทำบทความเกี่ยวกับการรับมือ เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาบริหาร ตลาดการเงิน
คลิกเพื่ออ่านบทความ : โดนัลด์ทรัมป์ กลับมาบริหารงาน ตลาดผันผวน เราจะรับมืออย่างไร?
5 เรื่องที่ต้องจับตาเกี่ยวกับการ เทรดทอง
1.นโยบายเศรษฐกิจและการคลังของสหรัฐฯ
Trump เคยเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลดภาษีและการเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งอาจส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ หากเศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้นและเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย ราคาทองอาจปรับตัวลดลงเนื่องจากต้นทุนโอกาสที่สูงขึ้นสำหรับการถือครองสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนเช่นทองคำ
2.นโยบายการค้าระหว่างประเทศ
Trump ขึ้นชื่อเรื่องนโยบายการค้ากีดกัน เช่น การตั้งกำแพงภาษีกับจีนหรือการออกจากข้อตกลงการค้าเสรี หากมีความตึงเครียดทางการค้าหรือสงครามการค้าเพิ่มขึ้น จะกระทบต่อตลาดการเงินโลกและอาจทำให้นักลงทุนหันมาถือครองทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
3. ความไม่แน่นอนทางการเมืองและความมั่นคงระหว่างประเทศ
Trump มักสร้างความเปลี่ยนแปลงในเวทีการเมืองโลก เช่น การปรับท่าทีทางการทูตและนโยบายต่ออิหร่านหรือเกาหลีเหนือ หากเกิดความไม่แน่นอนหรือความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ราคาทองอาจปรับตัวสูงขึ้นเพราะความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น
4. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD)
Trump มักวิจารณ์เรื่องความแข็งค่าของดอลลาร์ หากรัฐบาลมีนโยบายที่ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า เช่น การกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศหรือนโยบายการเงินผ่อนคลาย จะทำให้ราคาทองในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะทองคำมีราคาถูกลงในสายตาผู้ถือเงินสกุลอื่น
5. อัตราดอกเบี้ยและนโยบายของเฟด
ในช่วงที่ Trump เป็นประธานาธิบดี เขามักกดดันธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้คงดอกเบี้ยต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หากดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่อง จะสนับสนุนการเพิ่มขึ้นของราคาทองเนื่องจากนักลงทุนจะหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนดีกว่า
บทสรุป:
การเทรดทองในช่วงที่ Donald Trump ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีต้องอาศัยการจับตานโยบายและสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพราะแต่ละประเด็นที่กล่าวมามีผลกระทบโดยตรงต่อราคาทองคำในตลาดโลก ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
บทความโดยโค้ชอ๊อฟ กิตติวัฒน์ คล้ายมณี