ผลกระทบของค่าเงินบาทแข็งค่าและการเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จาก 1 ดอลลาร์ = 36.8 บาท เมื่อเดือนที่แล้ว กลายมาเป็น 1 ดอลลาร์ = 34.1 บาท ในปัจจุบัน ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก การนำเข้า การท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งความสามารถในการชำระหนี้ต่างประเทศ

ค่าเงินบาทแข็งค่า หมายถึงอะไร?

ค่าเงินบาทแข็งค่า หมายความว่าเงินบาทมีมูลค่าสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ โดยเฉพาะดอลลาร์สหรัฐ ในทางปฏิบัติ เมื่อเงินบาทแข็งค่าขึ้น ประชาชนและผู้ประกอบการจะสามารถแลกเปลี่ยนเงินบาทเป็นเงินตราต่างประเทศได้มากขึ้น ส่งผลให้สินค้านำเข้าราคาถูกลงและนักท่องเที่ยวไทยสามารถใช้จ่ายในต่างประเทศได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกสินค้าและบริการจะต้องเผชิญกับปัญหาการลดลงของยอดขาย เนื่องจากสินค้าของไทยกลายเป็นสินค้าที่มีราคาสูงขึ้นสำหรับผู้ซื้อในต่างประเทศ

ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งค่า

  1. ผู้นำเข้าสินค้าและบริการ
    ผู้นำเข้าจะได้รับประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากสินค้านำเข้าจะมีราคาถูกลงเมื่อคิดเป็นเงินบาท ทำให้ต้นทุนในการผลิตลดลง ส่งผลให้สินค้าภายในประเทศสามารถแข่งขันได้มากขึ้นทั้งในด้านราคาและคุณภาพ
  2. นักท่องเที่ยวชาวไทย
    การเดินทางไปต่างประเทศจะมีค่าใช้จ่ายลดลง เพราะเงินบาทสามารถแลกเงินตราต่างประเทศได้มากขึ้น การท่องเที่ยว ช็อปปิง และการใช้จ่ายต่าง ๆ ในต่างประเทศจะถูกลงอย่างเห็นได้ชัด
  3. ผู้มีหนี้สินในสกุลเงินตราต่างประเทศ
    สำหรับผู้ที่มีหนี้สินในสกุลเงินตราต่างประเทศ การแข็งค่าของเงินบาทจะช่วยลดภาระหนี้สินเมื่อนำมาแปลงเป็นเงินบาท ทำให้การชำระหนี้มีความสะดวกมากขึ้น
  4. นักลงทุนที่สนใจลงทุนในต่างประเทศ
    การลงทุนในต่างประเทศจะมีต้นทุนต่ำลงเพราะเงินบาทมีค่ามากขึ้น นักลงทุนไทยจะสามารถซื้อทรัพย์สินหรือทำธุรกิจในต่างประเทศได้มากขึ้น

ผู้ที่เสียประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งค่า

  1. ผู้ส่งออกสินค้าและบริการ
    สินค้าส่งออกของไทยจะมีราคาแพงขึ้นในสายตาของผู้บริโภคต่างประเทศ ทำให้สินค้าของไทยมีความสามารถในการแข่งขันลดลง ส่งผลให้ยอดขายและรายได้จากการส่งออกลดลง
  2. นักลงทุนที่มีรายได้จากต่างประเทศ
    ผู้ที่ลงทุนในต่างประเทศอาจประสบกับการลดลงของกำไรเมื่อแปลงกลับมาเป็นเงินบาท เนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่าทำให้จำนวนเงินบาทที่ได้จากการแปลงกำไรนั้นลดลงอย่างชัดเจน

การเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาท

การเตรียมตัวเพื่อลดผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทมีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งในระดับบุคคลและองค์กร ผู้ที่มีการทำธุรกรรมระหว่างประเทศหรือมีหนี้สินในสกุลเงินตราต่างประเทศควรพิจารณาแนวทางการป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน เพื่อให้สามารถรักษาผลประโยชน์สูงสุดจากการเปลี่ยนแปลงในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

  1. การทำสัญญาแลกเปลี่ยนล่วงหน้า (Forward Contracts)
    การทำสัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ด้วยการตกลงอัตราแลกเปลี่ยนที่แน่นอนไว้ล่วงหน้า ช่วยให้ผู้ส่งออกและผู้นำเข้ารู้แน่ชัดถึงต้นทุนและรายได้จากการทำธุรกิจระหว่างประเทศ
  2. การกระจายการลงทุน (Diversification)
    นักลงทุนสามารถกระจายการลงทุนไปยังประเทศต่าง ๆ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน การกระจายความเสี่ยงจะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถรักษาผลตอบแทนที่ดีขึ้นในสถานการณ์ที่ค่าเงินบาทแข็งค่าหรืออ่อนค่าลงได้
  3. การวางแผนทางการเงินระยะยาว
    องค์กรและบุคคลควรวางแผนทางการเงินในระยะยาว โดยคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การใช้เครื่องมือทางการเงินเช่นการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย หรือการจัดทำงบการเงินที่สามารถรองรับสถานการณ์วิกฤต จะช่วยให้สามารถเตรียมตัวรับมือกับความไม่แน่นอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุป

ค่าเงินบาทแข็งค่ามีผลกระทบที่ซับซ้อนทั้งต่อการส่งออก การนำเข้า การท่องเที่ยว และการลงทุนระหว่างประเทศ ผู้ที่ได้ประโยชน์และผู้ที่เสียประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ต้องมีการวางแผนทางการเงินและกลยุทธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงอย่างเหมาะสม การเข้าใจถึงผลกระทบและการเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้เราสามารถผ่านพ้นสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมั่นคง


แบ่งปั่นบทความ

บทความที่น่าสนใจ

ทองคำยืนจ่อแนว All time high ทั้งสัปดาห์ก่อนข่าว Non Farm Payrolls

ตั้งแต่ต้นสัปดาห์มีราคาทองคำฟิวเจอร์การปรับตัว;วนเวียนอยู่บริเวณโซน All time high รอการประกาศตัวเลขอัตราการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ที่หากออกมาน้อยกว่าคาดจะส่งเสริมโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยของ FED ได้ ซึ่งค่าที่ออกมาก็ส่งผลให้นักลงทุนให้น้ำหนัก ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% เพิ่มมากขึ้นในการประชุมช่วงกลางเดือนนี้อีกด้วย ด้านราคาน้ำมันสัปดาห์นี้ทิ้งตัวลงมาทั้งสัปดาห์เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐและจีน รวมทั้งความเป็นไปได้ที่ลิเบียจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น โดยความกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าคาด รวมทั้งข่าวที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส อาจชะลอแผนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีกด้วย โดยในช่วงสัปดาห์หน้าแม้แนวโน้มของราคาน้ำมันอาจจะกลับตัวขึ้นได้ยาก ส่วนทางด้านทองคำแม้จะปรับตัวขึ้นมาอยู่โซน All time high แล้ว ก็ยังมีโอกาสขึ้นได้อย่างต่อเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจได้เรื่อยๆ เเม้ในเชิงเทคนิคระยะสั้นจะยังไม่คอนเฟิร์มก็ตาม และในช่วงสัปดาห์หน้าจะมีการประกาศตัวเลข CPI และ PPI อีกด้วย เราอยากให้นักลงทุนทุกท่านติดตามข้อมูลตัวเลขที่จะประกาศออกมาให้ดีด้วยครับ By นนท์ พงศ์พล สุภกรรม

ข่าวรายวัน

Non-Farm Payroll

ตัวเลข Non-Farm Payroll หรือ การจ้างงานนอกภาคเกษตร จะวัดจำนวนคนงานในสหรัฐอเมริกา ยกเว้นคนงานในภาคเกษตรกรรม ครัวเรือนส่วนตัว พนักงานองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร และทหารที่ประจำการ โดยรายงานจะจัดทำโดย สำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) โดยจะสำรวจหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั่วสหรัฐอเมริกาเพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับเงินเดือนของพวกเขา ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมจะถูกรายงานต่อสาธารณะทุกๆ วันศุกร์แรกของเดือน เรามาทำความเข้าใจเรื่อง Nonfarm Payroll กันจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ การจัดประเภทพนักงานนอกภาคเกษตรคิดเป็นประมาณ 80% ของภาคธุรกิจของสหรัฐอเมริกาที่มีส่วนทำให้เกิดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ดังนั้นการรายงานตัวเลขนี้จึงมีความสำคัญอย่างมากต่อสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) : หากตัวเลขที่ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ มักทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เพราะจะสื่อถึงว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่ง ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากต่ำกว่าที่คาดการณ์ ค่าเงินดอลลาร์อาจอ่อนตัวลง ตลาดหุ้น : หากรายงานตัวเลขที่ออกมาแข็งแกร่ง อาจส่งผลดีต่อตลาดหุ้น เพราะมันบ่งบอกถึงความเจริญทางเศรษฐกิจและความสามารถของบริษัทในการขยายธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ถ้าตัวเลขสูงเกินไป อาจทำให้นักลงทุนกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วขึ้น ก็สามารถส่งผลลบต่อหุ้นได้ ทองคำ (XAUUSD) : ทองคำมักจะมีความสัมพันธ์ทางลบกับค่าเงินดอลลาร์ หากค่าที่ออกมาดีกว่าคาด ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งอาจทำให้ราคาทองคำร่วงลง ในทางกลับกัน หากรายงานตัวเลขต่ำกว่าที่คาดการณ์ ทองคำอาจปรับตัวขึ้นได้ โดยรายงานในเดือนที่ผ่านมา ตัวเลขออกมาที่ 114 K ตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มากพอสมควร โดยในสัปดาห์นี้ตัวเลขคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ออกมาที่ 164 K ตำแหน่ง ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นจากตัวเลขจริงที่ออกมาเมื่อเดือนที่แล้วพอสมควร ซึ่งมุมมองจากค่าคาดการณ์อาจสื่อถึงการจ้างงานในสหรัฐเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ต้องระวังเนื่องจากเดือนก่อนหน้าค่าที่ออกมาต่ำมาก ทำให้ในครั้งนี้เราต้องจับตาดูตัวเลขที่ออกมาให้ดีว่าจะผิดจากที่ตลาดคาดการณ์มากอีกหรือไม่ โค้ชนนท์

ข่าวรายวัน

ADP Non-Farm Employment Change

ADP Non-Farm Employment Change หรือ รายงานการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ซึ่งยึดตามข้อมูลการคิดเงินเดือนจากกิจการธุรกิจต่างๆ ประมาณ 400,000 แห่งทั่วสหรัฐอเมริการ หรือที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่เรียกกันว่า Non-Farm เล็ก ตัวเลขนี้ เป็นข้อมูลที่เผยแพร่ออกมาก่อนตัวเลขข้อมูล Non – Farm Payroll ของทางรัฐบาล ที่ประกาศโดย Automatic Data – Processing Inc ที่เป็นผู้จัดหาและให้บริการเครื่องมือด้านทรัพยากรบุคคลในรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา ที่ให้บริการทั้งแพลตฟอร์มดิจิทัลและโซลูชั่นมือถือเพื่อแก้ปัญหาด้านทรัพยากรบุคคล ซึ่งเป็นตัวเลขที่จะสามารถแสดงถึงแนวโน้มการปรับตัว ขึ้น – ลง ของตัวเลข Non – Farm Payroll ได้ ตัวเลข ADP Non-Farm นี้จะเป็นตัวเลขที่เกิดจากการวิเคราะห์การจ้างงานนอกภาคการเกษตร โดยจะแบ่งการจ้างงานนอกภาคการเกษตรออกเป็น 3 รูปแบบบริษัทขนาดเล็กที่มีพนักงาน 1 – 49 คนบริษัทขนาดกลางซึ่งมีพนักงาน 50 – 499 คนบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพนักงานตั้งแต่ 500 คน ขึ้นไป กรณีตัวเลข ADP Non-Farm ออกมา เราสามารถตีความตัวเลขนี้ได้โดยถ้าหาตัวเลขมีค่าสูงขึ้นมากกว่าเดิม หมายความว่ามีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรมากขึ้น แสดงได้ถึงว่าภาพรวมเศรษฐกิจกำลังเติบโต ฃส่งผลให้ USD มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะเป็นผลลบต่อราคาทองคำถ้าหากตัวเลขมีค่าลดลงต่ำกว่าเดิม หมายความว่าการจ้างงานน้อยลง แสดงได้ถึงว่าภาพรวมเศรษฐกิจอาจกำลังชะลอตัว ส่งผลให้ USD มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อราคาทองคำจากค่าที่ออกมาในครั้งก่อนหน้า จะเห็นว่าตัวเลขนี้มีค่าออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ 3 เดือนติดต่อกันแล้ว โดยในเดือนที่แล้วค่าที่ออกมาที่ 122 K ซึ่งลดลงต่ำกว่าคาดการณ์พอสมควร สำหรับเดือนนี้ค่าที่คาดการณ์จะอยู่ที่ 136K ซึ่งภาพรวมแล้วถ้าค่าออกมาตามคาดการณ์ อาจแสดงให้เห็นว่าการจ้างงานจะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นซึ่งจะส่งผลให้นักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจอาจจะยังไม่แย่อย่างที่กังวลกันก่อนหน้านี้ โค้ชนนท์ พงศ์พล สุภกรรม

ข่าวรายวัน
Message us