การสร้าง Mindset ที่ดีในการเทรดทองคำ

การเทรดทองคำไม่ใช่แค่เรื่องของทักษะหรือกลยุทธ์ทางเทคนิคเท่านั้น แต่การมี Mindset หรือแนวคิดที่ถูกต้องถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในระยะยาว การสร้าง Mindset ที่ดีจะช่วยให้เราสามารถรับมือกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และความกดดันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยอมรับความเสี่ยงและความไม่แน่นอน


การเทรดทองคำมีความผันผวนสูง ดังนั้นเราต้องมี Mindset ที่พร้อมยอมรับว่าอาจขาดทุนในบางครั้งได้ การเข้าใจว่าไม่มีการเทรดใดที่จะได้กำไรเสมอไปจะช่วยลดความกังวลและความกลัวเมื่อต้องเผชิญกับตลาดที่เคลื่อนไหวไม่เป็นไปตามคาด


โฟกัสที่กระบวนการ ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์
การเทรดที่ดีไม่ใช่แค่การทำกำไร แต่เป็นการปฏิบัติตามแผนการเทรดและกฎที่เราตั้งไว้ การโฟกัสที่การทำตามกระบวนการที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการตั้ง Stop Loss, การจัดการเงินทุน (Money Management) หรือการวิเคราะห์เทคนิค จะช่วยให้เราสามารถรักษาความสม่ำเสมอในการเทรดและลดโอกาสในการตัดสินใจผิดพลาด
ความอดทนและการควบคุมอารมณ์


ตลาดทองคำอาจทำให้เรารู้สึกเครียดหรือหงุดหงิดในบางครั้ง โดยเฉพาะเมื่อราคาผันผวน การมีความอดทนและการควบคุมอารมณ์เป็นทักษะสำคัญที่ต้องฝึกฝน เพราะการเทรดที่ประสบความสำเร็จต้องอาศัยการตัดสินใจที่ไม่ใช้อารมณ์เป็นหลัก


การพัฒนาและเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
ตลาดทองคำมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การมี Mindset ที่เปิดรับการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องจะทำให้เราก้าวทันตลาดและปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว


การสร้าง Mindset ที่ดีจะช่วยให้เราไม่เพียงแค่ทำกำไรจากการเทรด แต่ยังช่วยให้เราเติบโตเป็นเทรดเดอร์ที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

โค้ชบิ๊ก กรกฎ อภิปัญญา

แบ่งปั่นบทความ

บทความที่น่าสนใจ

แกะกลยุทธ์การลงทุนของกองทุนชื่อดังระดับโลก กองทุนมีวิธีการเลือ อย่างไร

แนวคิดความสำเร็จของกองทุนชื่อดังระดับโลกมีดังนี้ 1.กองทุน Berkshire Hathaway (วอร์เรน บัฟเฟตต์) กลยุทธ์ : การลงทุนแบบ Value investing ตัวอย่างหุ้นที่ลงทุน : Coca – Cola , Apple , American Express 2.Bridgewater Associates (เรย์ ดาลิโอ) กลยุทธ์การลงทุน : All Weather Portfolio ตัวอย่างหุ้นที่ลงทุน : มักมุ่งเน้นการลงทุนตามเทรนด์เศรษฐกิจและความสัมพันธ์ของสินทรัพย์  เช่น Apple , NVIDIA , JPMorgan สรุป : กองทุนเหล่านี้มีจุดร่วมกันคือ การเรียนรู้จากกองทุนเหล่านี้สามารถช่วยนักลงทุนพัฒนากลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับตัวเอง โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่นระดับความเสี่ยง ที่ได้รับและเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว ศรัญญู โกศินานนท์ (C.Oat)

ความรู้ทั่วไป

“ทำไมนักลงทุนต้องเข้าใจเรื่องผลตอบแทนทบต้น?”

ในโลกของการลงทุน หนึ่งในแนวคิดที่ทรงพลังที่สุด แต่กลับถูกมองข้ามมากที่สุดคือ “ผลตอบแทนทบต้น” (Compounding Return) นักลงทุนหลายคนโฟกัสแค่การทำกำไรในระยะสั้น แต่แท้จริงแล้ว “เงินทำงานให้เรา” ได้อย่างมหัศจรรย์เมื่อเวลาผ่านไป และการเข้าใจหลักการนี้ อาจเป็นตัวแปรที่ทำให้คุณแตกต่างจากนักลงทุนทั่วไป ผลตอบแทนทบต้นคืออะไร? ผลตอบแทนทบต้น คือ การนำกำไรที่ได้รับไปลงทุนต่อ แทนที่จะถอนออกมาใช้ ทำให้เงินต้นของคุณเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยอัตโนมัติ เหมือน ก้อนหิมะที่กลิ้งลงจากภูเขา ตอนแรกอาจเป็นแค่ก้อนเล็กๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากการสะสมของหิมะที่ทับถมกัน ทำไมผลตอบแทนทบต้นจึงสำคัญต่อการลงทุน? 1. เงินโตแบบก้าวกระโดด ไม่ใช่แค่เพิ่มทีละนิดลองคิดดูว่า ถ้าคุณเริ่มต้นลงทุน 100,000 บาท และทำกำไรเฉลี่ยปีละ 10% นี่คือ พลังของผลตอบแทนทบต้น ที่ช่วยให้พอร์ตของคุณโตแบบก้าวกระโดด 2. ยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งได้เปรียบผลตอบแทนทบต้นต้องการ “เวลา” เป็นตัวขับเคลื่อน ยิ่งคุณเริ่มลงทุนเร็วเท่าไหร่ ผลลัพธ์ที่ได้ยิ่งมหาศาล เปรียบเทียบ: แม้ B ลงทุนมากกว่า A ถึง 3 เท่า แต่เมื่อถึงอายุ 60 A จะมีเงินมากกว่า B เพราะ A ให้เวลาเงินทำงานผ่านผลตอบแทนทบต้นตั้งแต่เนิ่นๆ (ตัวอย่างนี้ต้องได้ผลตอบแทนต่อปีมากกว่า 6%ขึ้นไปถึงจะเป็นจริง) 3. ลงทุนให้นาน ไม่ต้องเร่งรวยเร็วนักลงทุนหลายคนอยากรวยเร็ว จึงมองหาหุ้นหรือสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงในเวลาสั้นๆ แต่ในความเป็นจริง ตลาดมีความไม่แน่นอนสูง การโฟกัสที่การลงทุนระยะยาว และให้เวลาทำงานแทนเรา ผ่านผลตอบแทนทบต้น อาจเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดกว่า เปรียบเทียบให้เห็นภาพ: ผลตอบแทนทบต้นเหมือนการปลูกต้นไม้ การลงทุนก็เหมือน การปลูกต้นไม้ “การลงทุนที่ดี ไม่ใช่การเร่งให้ต้นไม้โตเร็วที่สุด แต่คือการอดทนดูแลมัน จนถึงวันที่มันออกผล” สรุป: ถ้าอยากรวยแบบยั่งยืน ต้องเข้าใจเรื่องผลตอบแทนทบต้น “ตลาดหุ้นไม่ใช่ที่สำหรับคนที่อยากรวยเร็ว แต่คือที่ของคนที่อดทนและรวยแน่นอน” 🚀 โค้ชบิ๊ก กรกฎ อภิปัญญา

ความรู้ทั่วไป

แนวคิด Trump Put คืออะไร? มีโอกาสเกิดขึ้นไหม?

ในโลกการเงิน มีคำว่า “Fed Put” ซึ่งหมายถึงความเชื่อที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเข้ามาช่วยเหลือตลาดเมื่อเศรษฐกิจตกต่ำ เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยหรืออัดฉีดสภาพคล่อง ในยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เกิดคำว่า “Trump Put” ขึ้น Trump Put หมายถึงความเชื่อที่ว่า ทรัมป์จะใช้นโยบายเศรษฐกิจภายในประเทศเพื่อสนับสนุนตลาดหุ้น ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษี กระตุ้นการลงทุน หรือกดดันธนาคารกลางให้ผ่อนคลายนโยบายการเงิน Trump Put เกิดขึ้นอย่างไร? หนึ่งในนโยบายที่เป็นรากฐานของ Trump Put คือ “Tax Cuts and Jobs Act (TCJA)” ที่ประกาศใช้ในปี 2017 ผลลัพธ์ – ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าทรัมป์จะไม่ปล่อยให้ตลาดตกต่ำ Trump Put จะเกิดขึ้นอีกไหม? มีโอกาสเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 และกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง เปรียบเทียบ Trump Put vs. Fed Put แนวคิด Trump Put Fed Put ผู้ดำเนินการ ประธานาธิบดีและรัฐบาล ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) วิธีการ ลดภาษี กระตุ้นเศรษฐกิจ แรงกดดันทางการเมือง ลดดอกเบี้ย อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ ผลกระทบ ตลาดหุ้นขึ้นจากมาตรการภาษีและนโยบายเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นขึ้นจากนโยบายการเงิน สรุป: Trump Put เป็นแค่ตำนานหรือความจริง? Trump Put เป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้น และด้วยการที่ ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งในปี 2025 มีความเป็นไปได้ที่นโยบายเศรษฐกิจแบบ Trump Put จะถูกนำมาใช้อีกครั้ง “ตลาดหุ้นคือเกมของความเชื่อมั่น และ Trump Put คือเดิมพันของทรัมป์ที่ว่า ตลาดจะไม่มีวันล้ม ถ้ารัฐบาลผลักมันขึ้นไป” โค้ชบิ๊ก ...

ข่าวสาร
Message us